จี้เร่งตีทะเบียนแรงงานต่างด้าว ปูพรมฉีดวัคซีน-หวั่นสะเทือนงานก่อสร้าง

จี้ฉีดวัคซีนให้แรงงาน
REUTERS/Stringer

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี แนะผู้ประกอบการ-ภาครัฐ ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเร่งฉีดวัคซีน หวั่นติดเชื้อโควิดแพร่ระบาดกลุ่มอื่นขยายวงกว้างก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน กระทบสายการผลิต-งานก่อสร้าง ฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นลูกโซ่

นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการและภาครัฐ ควรเร่งนำแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนให้ถูกกฎหมาย และเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยจากการระบาดระลอกสาม พบว่ามีแรงงานต่างด้าวติดเชื้อกว่า 3.6 หมื่นคน คิดเป็น 16% ของผู้ติดเชื้อในไทย ส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมและแคมป์คนงานก่อสร้าง

ดังนั้น การจัดการปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่แรงงานต่างด้าวเพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน เนื่องจากแรงงานเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการผลิตและก่อสร้าง หากไม่บริหารจัดการยับยั้ง จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดไปยังแรงงานกลุ่มอื่น ๆ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานได้ นอกจากนี้ สายการผลิตในโรงงานและการก่อสร้างจะหยุดชะงัก ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นลูกโซ่ตามมาได้

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวในกิจการ หากแรงงานต่างด้าวทำงานมานาน แต่ยังไม่ถูกกฎหมาย ควรเร่งนำแรงงานต่างด้าวเหล่านั้นขึ้นทะเบียน เพื่อให้ภาครัฐสามารถจัดสรรวัคซีนได้ และเมื่อแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนแล้ว ให้เร่งฉีดวัคซีน โดยพิจารณาขอจัดสรรจากรัฐ หรือจัดหาเอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจนก่อให้เกิดคลัสเตอร์ในสถานประกอบการ รวมถึงจัดสถานที่ทำงาน และที่พักของแรงงานไม่ให้แออัดมากเกินไป

โดยภาครัฐสามารถอำนวยความสะดวกด้านการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ถูกกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ทราบจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ชัดเจน สามารถควบคุมและพิจารณาจัดสรรวัคซีนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ภาครัฐควรจัดการขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำเชื้อโรคเข้ามาแพร่กระจายในหมู่แรงงานต่างด้าวด้วยกัน รวมถึงพิจารณาแนวทางการควบคุมการระบาดในแรงงานต่างด้าว อาทิ คัดกรองแรงงานแข็งแรงที่มีความจำเป็นในงานสำคัญออกจากที่พักไปอยู่สถานที่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพื่อขับเคลื่อนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าได้

พิจารณาจัดสรรฉีดวัคซีนให้แรงงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมีโอกาสติดเชื้อสูง เป็นต้น

นายนริศกล่าวว่า จากการระบาดระลอกสาม พบว่ามีแรงงานต่างด้าวติดเชื้อกว่า 3.6 หมื่นคน คิดเป็น 16% ของผู้ติดเชื้อในไทย ส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมและแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งหากไม่ยับยั้งการติดเชื้ออาจลามสู่แรงงานส่วนอื่น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าเดิมได้ แนะนายจ้างเร่งนำแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายและเร่งฉีดวัคซีน พร้อมทั้งเสนอภาครัฐอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว และพิจารณาแนวทางควบคุมการระบาดแรงงานต่างด้าวอย่างจริงจัง