รัสเซีย-ยูเครน ดันราคาน้ำมันโลกสูงสุดรอบ 8 ปี

ราคาน้ำมัน 13.10
ภาพโดย Guilherme Reis จาก Pixabay

กกร.ปรับกรอบจีดีพีใหม่ ปี 65 โต 2.5-4.5% หลังสถานการณ์ตึงเครียด รัสเซีย-ยูเครน รุนแรงและยืดเยื้อคาดกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบพุ่งในรอบ 8 ปี

วันที่ 2 มีนาคม 2565 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และในฐานะ ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ปรับประมาณการกรอบการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2565 หรือ จีดีพี อยู่ที่ 2.5-4.5% จากเดิมอยู่ที่ 3.0-4.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 2.0-3.0% จากเดิม 1.5-2.5%

ขณะที่ตัวเลขส่งออกยังคงกรอบเดิม 3-5% ทั้งนี้ เป็นผลจากการติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มีความรุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาด ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกสูงขึ้น

โดยทั้งสองประเทศมีแนวโน้มที่จะเผชิญหน้ากันมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของทั้งรัสเซียและยูเครนแล้ว ยังทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นมาก คาดว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูงสู่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตแพงขึ้นมาก เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน และอาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมลดลงได้

ทั้งนี้ กกร.เสนอขอให้ภาครัฐมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม (รัฐ-เอกชน) ในการเป็น Focal Point ในการติดตามและประเมินสถานการณ์ เพื่อให้เอกชนได้รับข้อมูลจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การปิดน่านฟ้า การประกาศหยุดของสายเรือ รวมถึงผลกระทบหากเกิดกรณีการคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตกและพันธมิตรด้วย เพื่อวางแผนในการขนส่งสินค้าไทยต่อไป

ขณะที่ เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในหลายด้าน ทั้งเงินเฟ้อ การส่งออก รวมถึงการท่องเที่ยว เงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมากตามทิศทางราคาพลังงาน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจสูงกว่าระดับ 3% ได้เป็นเวลานาน ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์และกำลังซื้อในประเทศและเป็นช่องทางหลักที่ความขัดแย้งรัสเซียยูเครนจะกระทบเศรษฐกิจไทย

ขณะที่การส่งออกได้รับผลกระทบทางตรงจากตลาดรัสเซียและยูเครนไม่มาก แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าอื่นที่ชะลอลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป ส่วนด้านการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่จะลดลงจากมาตรการที่จำกัดการเดินทางเช่นการปิดน่านฟ้า แต่กระทบการท่องเที่ยวโดยรวมไม่มากนัก

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจช่วงต้นปี 2565 ชะลอตัวบ้าง แต่ผลกระทบโดยรวมคาดว่าไม่รุนแรง สอดคล้องกับหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสหรัฐ และยุโรป แต่การบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเข้มงวดน้อยกว่าในช่วงของการระบาดของสายพันธุ์เดลต้ามาก ประกอบกับหลายประเทศในยุโรปก็เริ่มปรับกลยุทธ์ให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic)

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทางฝั่งเอเชีย รวมถึงไทยกำลังเข้าสู่จุดสูงสุด แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรค ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ภาคเอกชนขอบคุณรัฐบาลที่ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 (วันที่ 5) และปรับเป็นการตรวจด้วย ATK แทน แต่หากมีการยกเลิกมาตรการ Test & GO จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและ นักลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่ดีและเป็นแรงหนุนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป

กรณีสืบเนื่องจากจีนมีนโยบาย Zero COVID-19 ทำให้มีการเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าผลไม้จากไทยที่ส่งออกเพื่อไปจีนเป็นอย่างมาก ทั้งการฆ่าเชื้อทุกตู้คอนเทนเนอร์ การตรวจสอบศัตรูพืชกักกัน และการตรวจสอบการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เวลาการขนส่งจากเดิมใช้เวลาเพียง 3-5 วันเป็น 10 – 15 วันต่อเที่ยว

อีกทั้งความไม่แน่นอนในการเปิด-ปิดด่าน ทำให้เกิดความแออัดที่ด่านจำนวนมาก เพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในการส่งออกผลไม้ของไทย ในช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. ซึ่งหากแก้ไขไม่ทันจะทำให้ราคาสินค้าผลไม้ตกต่ำอย่างมาก

กกร.จึงขอเสนอให้เร่งเจรจากับรัฐบาลกลางจีน ให้เปิดด่านสถานีรถไฟบ่อหาน เพื่อรองรับสินค้าผลไม้ไทยให้ทันในเดือนเมษายน 2565 นี้ และขยายเวลาเปิดด่านเป็น 24 ชม. เพิ่มช่องทาง Green lane ในการตรวจสินค้าผลไม้ รวมถึงขอให้มีการพิจารณาเพิ่มการอนุญาตจำนวนรถบรรทุกให้ผ่านด่านในเส้นทาง R3A ให้มากขึ้น และขอให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและผลักดันการเปิดด่านกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง