อ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อ SET มีโอกาสกลับตัวแถว 1,590-1,600 จุด

SET
คอลัมน์ : เติมความคิดพิชิตการลงทุน
ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET อ่อนตัวกลับลงมา เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่และมีปัจจัยลบ สร้าง sentiment ลบต่อดัชนี หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนีภาคบริการของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ยาวนานขึ้น

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงยังเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานให้อ่อนตัวและกดดันดัชนีเช่นเดียวกัน ด้านหลังสิ้นสุดการประกาศ
งบฯ Q3/2565 ซึ่งภาพรวมผลการดำเนินงาน 3Q65 ของ บจ. (บริษัทจดทะเบียน) ใน SET ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 2.28 แสนล้านบาท ลดลง 9.1% ต่อปี (YOY) และลดลง 34.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)

โดยกลุ่มที่กำไรสุทธิหดตัวทั้ง YOY และ QOQ คือ พลังงาน, ICT, การแพทย์, วัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง, สื่อ-บันเทิง, เกษตร

ตรงข้ามกับกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ท่องเที่ยว-โรงแรม, ยานยนต์ ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง YOY และ QOQ

ทั้งนี้ ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน SET ใน 9M65 (9 เดือนแรกปี 2565) กำไรสุทธิอยู่ที่ 8.37 แสนล้านบาท เทียบกับ 9M64 
(9 เดือนแรกปี 2564) ที่ 8.18 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% YOY

ด้านแนวโน้ม SET มองเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,670 จุด ในช่วงที่เหลือของปี ไปจนถึงต้นปีหน้า โดยมอง SET มีแนวโน้มขึ้นมาเคลื่อนไหวกรอบบนบริเวณ 1,670 จุดได้ ซึ่งมีปัจจัยหนุนจาก 1) การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่คาดว่าจะชะลอการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง 0.50%

2) ประเด็นบวกในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีของภาครัฐ และ 3) คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงปลายปีจากกองทุนประหยัดภาษี และการทำ window dressing

นอกจากนี้ คาดว่าจีนจะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการที่เคร่งครัดสำหรับโควิด โดยล่าสุดจีนประกาศ 10 มาตรการโควิดใหม่ เช่น ห้ามล็อกดาวน์-ตรวจโควิดแบบเหมารวม งดจำกัดเดินทาง ผู้มีอาการน้อยกักตัวที่บ้านได้ เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ เป็นต้น ถือเป็นการส่งสัญญาณเปิดประเทศในต้นปีหน้า เป็นอีกปัจจัยหนุนดัชนี

ดังนั้นด้านกลยุทธ์ลงทุนการอ่อนตัวลงมาของดัชนีในปัจจุบัน และใกล้กรอบล่างบริเวณ 1,590-1,600 จุด ที่คาดเป็นจุดรองรับได้ และมีโอกาสฟื้นตัวกลับจากแนวรับดังกล่าว จึงแนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1) SCGP มอง 4Q65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น YOY และ QOQ จากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น ด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล รวมทั้งต้นทุน RCP และต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลงในระยะหลังนี้ และเป็นหุ้นเก็งกำไรจากความคาดหวังจีนคลายล็อกดาวน์มากขึ้น

2) IVL มอง 4Q65 คาดกำไรจะฟื้นตัว QOQ เพราะไม่มีขาดทุนสินค้าคงเหลือจำนวนมากเกิดขึ้นอีก ขณะที่ช่วงสั้นคาดได้ sentiment บวกจากความคาดหวังการเปิดประเทศจีน ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์ธุรกิจเส้นใยปรับตัวดีขึ้น

3) TISCO หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการจัดงานมหกรรมยานยนต์ (Motor Expo ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค. 2565 ซึ่งตลาดคาดเงินสะพัด 5.0 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% YOY)

4) GULF มอง 4Q65 คาดผลประกอบการจะได้แรงหนุนจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC เพิ่ม ส่วนปี 2566 คาดกำไรยังโตดี 30% YOY จากกำลังการผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้าและส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH

5) AU มอง 4Q65 คาดเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดในปีนี้ ซึ่งจะเห็นการเติบโตที่ดีทั้ง YOY จากฐานต่ำ และ QOQ จากเข้าสู่ high season การมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ปี 2565 คาดมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิแค่ 4 ล้านบาท

…แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี