ฤดูกำจัดฝุ่นแบบพุ่งเป้า

คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

กรมควบคุมมลพิษได้ประกาศเข้าสู่ฤดูกาลฝุ่นแล้ว หลังจากสถานการณ์ฝุ่นเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศปรากฏ “สีแดง” โดยฝุ่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากความกดอากาศสูง อัตราการระบายฝุ่นต่ำ ลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น

“ฤดูฝุ่น” จะเป็นช่วงที่ทุกภาคส่วนจะต้องเตรียมตั้งรับ ดำเนินมาตรการอย่างจริงจังและเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 จนถึงเดือนมีนาคม 2567 ก็จะเป็นฤดูฝุ่นในภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อจากนั้นก็จะเข้าฤดูฝุ่นในภาคเหนือเป็นลำดับต่อไป

ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นมลพิษ PM 2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงกรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดฝุ่น PM 2.5 ในช่วงปลายปีต่อต้นปี โดยจะมีแหล่งกำเนิดฝุ่นมาจากกิจกรรมในพื้นที่

ไม่ว่าจะเป็นการเกิดไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร การเกิดหมอกควันข้ามแดน การจราจรและขนส่ง และโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับในช่วงต้นปีจะเกิดความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศปิด ฝุ่นไม่สามารถระบายออกนอกพื้นที่ แต่เกิดการสะสมจนเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด

มาตรการที่รัฐบาลกำหนดออกมาสำหรับใช้ในฤดูฝุ่นปีนี้ จะใช้กำหนดพื้นที่บริหารจัดการแบบ “พุ่งเป้า” ไปยังพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตรใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ด้วยการกำหนดเป้าหมายการเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่การเกษตรให้ลดลงร้อยละ 50 ส่วนพื้นที่อื่นมีเป้าหมายการเผาให้ลดลงร้อยละ 20

พื้นที่เกษตรกรรมอื่นลดลงร้อยละ 10 และยังมีการพุ่งเป้าไปที่การลดค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 และจำนวนวันที่เกิดฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานให้ลดลงอีกด้วย ส่วนการจัดการปัญหาการเผาข้ามแดนยังคงใช้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส หรือสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยทำได้เพียงการจัดทำฐานข้อมูล ยังไม่สามารถดำเนินการไปถึงการห้ามนำเข้าสินค้าที่เป็นเงื่อนไขในการเผาข้ามแดน

ทว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในฤดูฝุ่นปีนี้ เป็นการบริหารจัดการแบบ “พุ่งเป้า” ส่งผลให้ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ใน 17 จังหวัดภาคเหนือในขณะนี้กลายเป็นด่านหน้าของคณะกรรมการแห่งชาติด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง หมอกควัน และฝุ่งละออง ด้วยการตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด

สิ่งที่ผู้ว่าฯ จะต้องดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมายก็คือ การลดการเผาลงให้ได้ร้อยละ 50 หรือครึ่งหนึ่งของพื้นที่เผาในปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยรัฐบาลเชื่อว่าการเผาเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้เกิดฝุ่น แต่ก็อย่าละเลยปัญหาที่มาจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ที่นับวันยอดจดทะเบียนรถยังไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไม่ได้หายไปไหน