ทุกอย่างต้องเป็นไปตามครรลอง

แฟ้มภาพ

ช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งผ่านไปแค่โค้งแรก อุณหภูมิทางการเมืองก็มีแนวโน้มร้อนแรงจนทำให้หลายฝ่ายจับตามองด้วยความเป็นห่วง เพราะการแบ่งขั้วเลือกข้างที่ก่อนหน้านี้เริ่มคลี่คลายอาจกลายเป็นปัญหาเหมือนคลื่นใต้น้ำ กระทบเศรษฐกิจ สังคมไทยซ้ำรอยอดีต

หากเป็นอย่างนั้นจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะโรดแมปการเมืองกำลังก้าวไปตามสเต็ป การเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต กับแบบบัญชีรายชื่อ เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ สีสันบรรยากาศประชาธิปไตยที่ห่างหายไปนานเพิ่งจะมีให้เห็น

จากนี้ไปอีกเดือนเศษจะถึงวันที่ 24 มีนาคม วันที่คนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 52 ล้านคน จะมีโอกาสเดินเข้าคูหาเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกตัวแทนเข้าไปนั่งในสภาเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 8 ปี ถึงวันนั้นประเทศไทยจะเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบอีกครั้ง

โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรจะรักษาบรรยากาศทางการเมืองเวลานี้ที่เริ่มคุกรุ่นไม่ให้ดุเดือดรุนแรง จนบานปลาย
กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนที่เห็นต่างหรืออาจมีมุมมองไม่ตรงกัน ทั้งที่หากต่างฝ่ายต่างเปิดกว้างยอมรับความแตกต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ความขัดแย้งแตกแยกก็ยากจะเกิดขึ้นได้

วิกฤตการเมืองซึ่งยืดเยื้อยาวนาน ก่อนจะนำมาซึ่งการปฏิวัติรัฐประหารกลางปี 2557 จึงเป็นสิ่งที่คนไทยทั้ง 65 ล้านคน ต้องตระหนักและก้าวข้ามให้ได้ มิฉะนั้น การเมืองไทยจะอยู่ในวัฏจักรวังวนเดิมไม่จบสิ้น ปฏิรูปการเมืองจะเป็นเพียงแค่คำสวยหรูที่ไม่เคยถูกนำไปสู่การปฏิบัติจริง

ขณะเดียวกันก็พึงสังวรด้วยว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้โลกเกิดการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วรุนแรง หากคนไทยยังแบ่งฝ่ายแบ่งขั้วจมอยู่กับข้อพิพาทขัดแย้ง นอกจากสังคม การเมืองจะมีปัญหา เศรษฐกิจที่ยังเดินหน้าได้ไม่เต็มที่ กับคนในระดับรากหญ้าที่กำลังอ่อนแรงจะยิ่งย่ำแย่แล้ว โอกาสที่ประเทศคู่แข่ง คู่ค้าจะแซงหน้าจะยิ่งมีสูง

ทุกภาคส่วนจึงต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศและประคับประคองให้ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านราบรื่น
โดยย้ำเตือนให้ทุกฝ่ายทำตามกฎกติกา ประพฤติปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย และให้ทุกขั้นตอนกระบวนการดำเนินไปตามครรลองประชาธิปไตย

ที่สำคัญ ต้องถอดบทเรียนในอดีต ให้การเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม โดยนักการเมือง พรรคการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ให้สมกับเป็นพลเมืองดี ปฏิเสธการซื้อเสียง
ขายเสียง ให้มติมหาชนชี้ขาดว่าจะมอบความไว้วางใจใครบริหารจัดการประเทศ