จับสัญญาณเศรษฐกิจไทยปี’63 ระวังปัจจัยเสี่ยงการเมืองภายใน

คอลัมน์ ดุลยธรรม

โดย ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจฯ ม.รังสิต

สัญญาณสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐมีทิศทางดีขึ้น จากการบรรลุข้อตกลงบางส่วน ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ การค้าโลก และตลาดการเงินโดยรวม คาดทำให้จีดีพีโลกและระบบการค้าโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า การลงทุนในตลาดการเงินโลกคึกคักมากขึ้น ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น และน่าจะมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปลายปีถึงต้นปีหน้า ส่งผลดีต่อเนื่องกับเศรษฐกิจไทย ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยวทั้งระบบ ขณะที่การเจรจาเรื่อง Brexit มีความชัดเจนขึ้นเช่นเดียวกัน หลังทราบผลการเลือกตั้งในประเทศอังกฤษ ลดความไม่แน่นอนจากผลกระทบเรื่อง Brexit ได้ในระดับหนึ่ง

สำหรับรายละเอียดข้อตกลงบางส่วนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ เฟสแรก ได้แก่ สหรัฐเสนอว่า 1.ยกเลิกการขึ้นภาษี 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ แล็ปทอปคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอเกม โทรทัศน์ วิทยุ จอคอมพิวเตอร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ เช่น นาฬิกา ของเล่น รองเท้า และเครื่องแต่งกาย

2.ปรับลดภาษีสินค้า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ เหลืออัตรา 7.5% (จากเดิม 15% และบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 62) ทั้งนี้ จะยังคงภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์

ขณะที่จีนตกลงในประเด็น 1.การซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจากสหรัฐ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ในเวลา 2 ปี โดยจีนเน้นย้ำว่า จะต้องสอดคล้องกับความต้องการตลาดและเป็นไปตามข้อตกลงภายใต้ดับเบิลยูทีโอ

2.เปิดเสรีภาคการบริการ ได้แก่ เปิดเสรีการเงินการธนาคาร การประกันภัย และหลักทรัพย์

3.ปรับเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี

4.ไม่ดำเนินนโยบายค่าเงินที่สร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม

พร้อมกันนี้ สหรัฐประกาศเดินหน้าเจรจาข้อตกลงระยะสองต่อ และหากการเจรจาเฟสสองสามารถบรรลุเป้าหมายภายในกลางปีหน้า จะส่งผลให้ระบบการค้าโลกและเศรษฐกิจกลับเข้าสู่การขยายตัวตามปกติด้วย

ช่วงที่ผ่านมา สหรัฐนำเข้าสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง และสิ่งมีชีวิต/ส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต ขณะที่การลดภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ลดลงจากการเบี่ยงเบนทางการค้า (trade diversion) เนื่องจากสินค้าจีนจะกลับเข้าไปในตลาดสหรัฐมากขึ้น

ส่วนกลุ่มสินค้าส่งออกไทยที่ทดแทนสินค้าจีนได้ดีในช่วงที่ผ่านมาจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ได้แก่ สินค้าเกษตรกรรม อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก เหล็กและอะลูมิเนียม และของใช้ในบ้านและสำนักงาน คงได้รับผลกระทบบ้าง แต่การขยายตัวของส่งออกไปทั่วโลกจะดีขึ้น และภาพรวมของการส่งออกไปสหรัฐ และจีนจะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตที่สูงขึ้นในปีหน้า

ส่วนการเจรจาเรื่อง Brexit ที่มีความชัดเจนขึ้นหลังทราบผลการเลือกตั้ง ช่วยลดความไม่แน่นอนจากผลกระทบเรื่อง Brexit ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งไทยควรเตรียมการในการเจรจาเชิงรุกเพื่อจัดทำเอฟทีเอกับสหราชอาณาจักร พร้อมกับการเจรจาทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป หรืออียู โดยการทำข้อตกลงใด ๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานของการตกลงเจรจาที่มีข้อมูลและฐานการศึกษาวิจัย เพื่อทำให้การจัดทำเอฟทีเอเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

แนวโน้มปีหน้า ปัจจัยภายนอกจะเป็นบวกมากขึ้น แต่ปัจจัยภายในโดยเฉพาะความเสี่ยงทางการเมือง อันเกิดจากการไม่ยึดหลักนิติรัฐ และนิติธรรม อาจส่งผลสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นของภาคการลงทุน และทำให้เกิดความขัดแย้งและวิกฤตทางการเมืองได้

ผลกระทบเชิงลบเหล่านี้จะหักล้างปัจจัยบวกจากสัญญาณการฟื้นตัวของการค้าโลก และทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสจากการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจโลกได้

นอกจากนี้ การย้ายฐานการลงทุนบางส่วนมายังอาเซียนจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจมีการทบทวนใหม่ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องการเคลื่อนย้ายการลงทุนจากผลกระทบสงครามการค้าจะเกี่ยวพันกับแนวโน้มว่า สงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาจะยืดเยื้อหรือไม่ ข้อพิพาทและความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะพัฒนาไปในรูปแบบใด

หลังการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ยุคใหม่ แต่ภูมิภาคอาเซียนโดยรวมนั้นยังคงเป็นภูมิภาคที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจอยู่ เนื่องจากมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยสูงกว่าภูมิภาคอื่น ขณะที่สิทธิประโยชน์ทางภาษี โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ผลิตภาพแรงงาน ค่าจ้างแรงงาน สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอ ส่วนแบ่งมูลค่าส่งออกในตลาดโลก ความยากง่ายในการทำธุรกิจของภูมิภาคอาเซียนโดยภาพรวม ก็อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย

แม้ในส่วนของไทยนั้นจะมีปัญหาเรื่อง rule of law และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เพราะประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด