พิศ-ฤทธิ์-มีชัย

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

รัฐธรรมนูญและกฎหมายหมวดการเมืองเริ่มออกฤทธิ์-พิษจุดเสี่ยงและแท็กติก ทำให้การเลือกตั้งไม่น่าพิสมัย

พวกตระกูล “ชินวัตร” ยกธงขาว

พวก “กปปส.” ชงให้ “บิ๊กตู่” อยู่ยาว

พวกประชาธิปัตย์-เพื่อไทย พรรคใหญ่ตั้งการ์ดถีบ-ถอย

พวกพรรคขนาดกลาง-เล็ก กระหยิ่ม ซุ่มหยิบชิ้นปลามัน

ทุกพรรคหวาดหวั่นเรื่องเดียวกันคือ “แท็กติก” ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก-เสี่ยง “แพ้ฟาวล์”

เริ่มตั้งแต่ “ระบบไพรมารี่โหวต” ที่ต้องมี “คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง” ของแต่ละพรรค

ระบบเขต 350 คน ต้องมาจากการประชุมสาขาพรรคการเมือง องค์ประชุมไม่น้อยกว่า 100 คน หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดต้องมีสมาชิกประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน ลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้ 1 คน

ระบบบัญชีรายชื่อ 150 คน ต้องมาจากหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดจัดประชุมลงคะแนนเลือกตั้งบุคคลในบัญชีรายชื่อลงคะแนนเลือกได้คนละไม่เกิน 15 คน ต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า 150 คน หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน

ผิดไปจากนี้ มีสิทธิ์ติดคุก-ถูกปรับ และ “เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง”

ระบบสมาชิกพรรคต้องทำให้จบภายใน 5 ม.ค. 2561

ในระดับพรรคใหม่ ต้องเริ่มต้นด้วย สมาชิก 500 คน ทุนประเดิม 1 ล้านบาท

พรรคเก่า ต้องมีองค์ประชุม 250 คน จัดทำคำประกาศอุดมการณ์ นโยบาย เลือกหัวหน้าและกรรมการบริหาร ต้องมีหัวหน้าสาขาพรรคไม่น้อยกว่า 4 สาขา และตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ภายใน 5 เม.ย. 61 ถ้ายังไม่ทำถือว่า “สิ้นสภาพพรรค”

สมาชิกพรรค ต้องจ่ายค่าสมาชิกปีละ 100 บาท ตลอดชีพไม่น้อยกว่า 2,000 บาท

นโยบายพรรค ต้องระบุวงเงินที่ต้องใช้-ความคุ้มค่า-ประโยชน์-ผลกระทบและความเสี่ยง ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับ 5 แสนบาท

พรรคการเมืองจะ “ถูกยุบ” และกรรมการบริหารห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 20 ปี-เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง หากสมาชิกกระทำผิดกฎหมาย

เฉพาะอย่างยิ่ง กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ หรือให้มี “นอมินี” ควบคุม ครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมพรรคทำให้พรรคขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม

แค่ทำให้ กกต. “สงสัย” ว่ามีการเลือกตั้งไม่สุจริต มีสิทธิถูกแจก “ใบส้ม” หรือ สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้ชั่วคราว ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ และมีสิทธิถูกแจก “ใบแดง” เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

สารพัดผิด-ดังต่อไปนี้จะถูก “ยับยั้งการเลือกตั้ง” เช่น มีการกระทำ-การงดเว้นการกระทำซึ่งส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม, ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีบุคคลดำเนินการด้านธุรกรรมทางการเงิน ผลิต หรือเตรียมการผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่อาจใช้ในการเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจ, ใช้เงินหรืออิทธิพลคุกคามเพื่อให้คุณให้โทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

นอกจากสารพัดพิษ-กฎหมายลูกแล้ว ยังมีล็อก-บล็อก บุคคลที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดย ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน คัดเลือกทั้งหมดโดย คสช.

ส.ว.จะเป็นดัชนีชี้นำตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” มาจาก “นอกสภา-นอกบัญชี”

เหนือสิ่งอื่นใด การจัดการเลือกตั้ง อยู่ภายใต้การคงคำสั่ง คสช. 125 ฉบับ ประกาศ คสช.อีก 207 ฉบับ อีกทั้งยังมีอำนาจพิเศษ ตามมาตรา 44 อีก 160 ฉบับ

สุดท้าย การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ยังต้องอยู่ภายใต้อำนาจ “อดีต” นายกรัฐมนตรีหัวหน้า คสช.-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีมาตรา 44 อยู่ในมือตลอดกาล

วิศวกรการเมืองขั้นเทพ-ล็อกอำนาจหลายชั้นเช่นนี้ มีแต่ “มีชัย” เท่านั้น ที่ทำได้