มิลเลนเนียม กรุ๊ป สร้างโอกาสเด็กมูลนิธิบ้านพระพร

จากรายงานของยูนิเซฟทุก ๆ ปีชี้ว่าเด็กทั่วโลกหลายร้อยล้านคนกำลังเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะช่วงการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการถูกละเมิด, ความรุนแรง, การถูกแสวงประโยชน์, การถูกกีดกันจากสังคม รวมไปถึงการถูกแยกจากผู้ปกครอง

โดยเฉพาะในสังคมไทยมักพบปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งจำนวนมาก ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งนี้เพราะการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์, การตั้งครรภ์โดยไม่ได้ทำการสมรส, ปัญหาครอบครัวแตกแยก, พ่อแม่หย่าร้างกันภายหลังมีบุตร หรือครอบครัวมีฐานะยากจน และอีกหลายสาเหตุที่ซับซ้อน

ปัจจุบันมูลนิธิบ้านพระพรซึ่งตั้งอยู่บริเวณชุมชนบึงพระราม 9 เป็นสถานที่รับเลี้ยงดูเด็กที่ถูกแยกกับพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่อยู่ในเรือนจำ มูลนิธิรับเข้ามาเลี้ยงดูแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ส่วนงบประมาณในการจัดสรรดูแลเด็กมาจากการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก อีกทั้งภายในมูลนิธิยังตั้งศูนย์ฝึกอาชีพ โดยรับเยาวชนที่พ้นโทษจากเรือนจำมามาฝึกทักษะอาชีพ

ผลเช่นนี้ จึงทำให้ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู ภายใต้กลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เข้ามาสนับสนุนมูลนิธิ ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม “ดีต่อใจ By Millennium Auto” ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด Millennium Auto Big Love ความรักที่ยิ่งใหญ่จากมิลเลนเนียม ออโต้ ด้วยการนำสิ่งของไปบริจาค เลี้ยงอาหารกลางวัน และสนับสนุนให้ลูกผู้ต้องขังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ-สุนทร สุนทรธาราวงศ์
ศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ-สุนทร สุนทรธาราวงศ์

“ศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ” ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัทมิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการขาย และงานบริการควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการทำความดีมาโดยตลอด อย่างโครงการดีต่อใจ เป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กด้อยโอกาส เพราะจัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562

“โดยก่อนหน้าเราจัดกิจกรรมร่วมกับมูลนิธิออทิสติกไทย ด้วยการพัฒนาศักยภาพให้กับเด็กออทิสติกโดยใช้ศิลปะ และนำผลงานศิลปะมาจัดประมูล ซึ่งรายได้จะนำไปสนับสนุนมูลนิธิออทิสติก ส่วนปีนี้เราจัดกิจกรรมกับบ้านพระพร ด้วยการอุปการะลูกผู้ต้องขังหลายชีวิต

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มโอกาสให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งเรายังเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมโดยทุกการส่งมอบรถบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดีบเบิลยู มอเตอร์ราด เราจะบริจาคเงินให้กับมูลนิธิบ้านพระพรจำนวน 500 บาทต่อคัน”

กิจกรรมเพื่อสังคมของมิลเลนเนียนต้องการจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเด็ก ๆ ทุกกลุ่มในสังคม อนาคตต่อ ๆ ไปเรายังจะให้การสนับสนุนกลุ่มเด็กด้อยโอกาส เพราะพวกเขาคืออนาคตของประเทศ และเราอยากสนับสนุนเขาในส่วนที่เราทำได้ พร้อมกับมีการดำเนินโครงการในระยะต่อไปอย่างต่อเนื่อง

“สุนทร สุนทรธาราวงศ์” ประธานมูลนิธิบ้านพระพร กล่าวว่า เด็กที่อยู่ในการดูแลของบ้านพระพรมีทั้งหมดราว 100 คน มีทั้งเด็กที่ผู้ปกครองกำลังถูกจำคุก และเด็กที่ถูกคลอดในเรือนจำ เดิมทีบ้านพระพรจะดูแลเด็กตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไป แต่ในช่วง 2 ปีที่โควิด-19 ระบาดหนักเราเริ่มรับเด็กเล็กที่เพิ่งคลอดมาเลี้ยงด้วย เนื่องจากโควิดระบาดในเรือนจำ นักโทษหญิงต้องออกมาคลอดบุตรข้างนอก และไม่สามารถอยู่เลี้ยงดูได้ เราจึงรับเด็กมาเลี้ยง

บทบาทของบ้านพระพร เราดูแลเลี้ยงดูทุกอย่างแทบจะ 24 ชั่วโมง รวมถึงสนับสนุนการศึกษาตั้งแต่ที่เขาเป็นเด็ก จนถึงชั้น ม.6 หลังจากนั้นจะสนับสนุนให้ศึกษาต่อตามความสมัครใจ ก็เหมือนกับว่าเราเป็นครอบครัวที่คอยเลี้ยงดูลูก ๆ เด็กบางคน เมื่อพ่อแม่พ้นโทษจากเรือนจำ ก็จะมารับลูกกลับไปอยู่ด้วย แต่ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจขณะนี้ ทำให้พ่อแม่หลายรายไม่สามารถจะเลี้ยงตนเองได้ ไม่มีความพร้อม ก็ให้อยู่กับเราต่อไป

“บางครั้งเราก็รับแม่ของเด็กมาดูแลด้วย เพราะเรามีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพ มีหลายอาชีพให้แม่ของเด็กได้ฝึกทักษะการทำมาหากินด้วยตนเอง จนสามารถกลับคืนสู่สังคมได้ อนาคตคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เราจึงต้องวางแผนเตรียมก่อสร้างอาคารหอพักหลังใหม่เพื่อเยาวชน และผู้พ้นโทษอีกด้วย”

อัมพร เย็นชื่น
อัมพร เย็นชื่น

“อัมพร เย็นชื่น” หัวหน้าทีมงานพี่เลี้ยงเด็กบ้านพระพร กล่าวว่า เด็ก ๆ ที่ดูแลส่วนใหญ่เป็นลูกผู้ต้องขังตั้งแต่เด็กแรกเกิดขึ้นไป พูดง่าย ๆ ว่าเราดูแลตลอด 24 ชั่วโมงป้อนข้าว ป้อนนม อาบน้ำ ฯลฯ โดยที่เด็กแรกเกิดถึงหนึ่งปี เราจะส่งเสริมพัฒนาการตามวัย

และเมื่ออายุได้ 2-3 ขวบก็เข้าสู่กระบวนการเรียนระดับชั้นอนุบาล มีครูพี่เลี้ยงคอยสอน และเมื่ออายุครบ 4 ขวบ มูลนิธิจะส่งเข้าระบบการศึกษาจนจบ ม.6 เพื่อให้เด็กไม่เสียอนาคต บางรายสนับสนุนจนสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย

“บ้านพระพรมีครูพี่เลี้ยงประมาณ 10 กว่าคน ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ก็ทำหน้าที่เป็นแม่ของพวกเขาอย่างเต็มที่ ไม่ให้เขารู้สึกว่าขาดอะไรไป ที่สำคัญ เด็ก ๆ จะรู้ว่าพ่อแม่ของเขาอยู่ในเรือนจำ เพราะช่วงโควิด-19 เราพาเด็กไปเยี่ยมทุกเดือน และสอนพวกเขาตามความเป็นจริงว่าผู้ใหญ่ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เด็กทำผิดก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกัน”

“อัมพร” กล่าวตอนสุดท้ายว่า ทุกคนสามารถเข้ามาสนับสนุนมูลนิธิบ้านพระพรได้ตลอด สิ่งที่เปิดรับ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า พัดลม เตารีด ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว คอมพิวเตอร์ ตลอดจนของใช้จำเป็นทุกอย่างไม่ว่าจะแพมเพิร์ส นมผง ครีมอาบน้ำเด็ก เสื้อผ้าทารกและเด็กเล็ก รวมถึงเครื่องปรุงประกอบอาหารต่าง ๆ

ทั้งยังสามารถสมทบทุนการศึกษา-ค่ารักษาพยาบาลได้อีกด้วย