Key Success “ออริจิ้น” “เรามีคนดี-คนเก่ง-ยืดหยุ่น-ติดดิน”

"พีระพงศ์ จรูญเอก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

จุดเริ่มต้นอาจมาจากการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโนเนมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน จนวันนี้ผงาดขึ้นมาอยู่ในท็อปทรีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดย “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่คนในวงการนี้มองว่าเก่งเกินอายุ เพราะการขยายตัวของธุรกิจได้เพิ่มความท้าทายเพื่อพิสูจน์ความเป็น “ผู้นำ” ที่ต้องบริหารคนทำงานถึง 1,000 คน

กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ “พีระพงศ์” เผยถึงกุญแจดอกสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจของเขา คือ “ความฝัน” ทั้งยังเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เขาต้องวางเป้าหมายให้สูงตามไปด้วย แม้ว่าในขณะนั้นเขาจะไม่มีแม้แต่ที่ดิน และทุนดำเนินการเหมือนกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ตาม แต่เขามองว่าการทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องมี “เงินและคอนเน็กชั่น” ที่จะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองจากการทำงานเป็นพนักงานในบริษัทใหญ่

เพราะในเมื่อมีความฝันใหญ่ จึงต้องหาวิธีที่ดี และมีประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่วิธีการทำงาน การบริหารองค์กร และที่สำคัญ คือ “การสร้างคน” อันเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ

“8 ปีก่อน เราโตขึ้นมาจากธุรกิจเล็กจิ๋วมาก จากคน 4 คนมาช่วยทำงานในปีแรก กับโครงการขนาด 180 ล้านบาท ยอดขายที่ 160 ล้านต่อปี ปี 2561 วางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 24,000 ล้านบาท เท่ากับว่ายอดขายขยายตัวกว่า 100 เท่า ผมจะเซตเป้าหมายที่ถึงยากหน่อย เสมือนว่าเราตั้งเป้าว่าจะไปดวงจันทร์ แต่วันนี้ขึ้นไปได้แค่ภูเขาเอเวอเรสต์ ก็ถือว่าเราแฮปปี้แล้ว” พีระพงศ์ฉายภาพในอดีตของออริจิ้นฯ

เวลาผ่านไป ออริจิ้นฯเติบโตต่อเนื่อง จากการทำงานของคน 4 คน ขยายขึ้นเป็น 100 คน เพื่อเดินหน้า 10 โครงการแรก ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น” ที่ประกอบไปด้วย ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เอ็นจิเนียร์ การทำนิคมอุตสาหกรรม และสำนักงาน อพาร์ตเมนต์ สำหรับสไตล์การทำธุรกิจของออริจิ้นฯ คือ ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ส่วนที่ไม่ถนัดจะใช้ผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ออกไปหาเครือข่าย หรือที่เรียกว่าเอาต์ซอร์ซ

โดย “พีระพงศ์” บอกว่า จุดยืนในการทำธุรกิจของผม คือ ในอดีตที่เคยร่วมทำธุรกิจกับใครมา ก็จะดึงมาช่วยทำงานด้วย เพราะเราเชื่อมั่นว่า ทำงานด้วยกันมานาน ทำให้มีความเป็นเพื่อน นั่นหมายถึงว่า มีความเชื่อใจกัน (trust)

“พีระพงศ์” เล่าต่ออีกว่า ออริจิ้นฯในวันนี้มีคนทำงานกว่า 1,000 คน โดยแต่ละปีจะรับพนักงานใหม่ทุกปี ตั้งแต่ระดับ 200-400 คน อย่างในปี 2560 เรารับพนักงานเพิ่มถึง 200 คน ส่งผลให้สัดส่วนของพนักงานใหม่อยู่ที่ 40% ในขณะที่พนักงานเก่าอยู่ที่ 60% ถือเป็นความท้าทายองค์กรอย่างมาก เพราะในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Y อยู่เป็นจำนวนมาก ความยากจึงอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้คนเก่า และคนใหม่สามารถทำงานด้วยกันได้

ซึ่ง “พีระพงศ์” มองว่า เป็นเรื่องที่ “ยากที่สุด” ในการบริหาร เนื่องจากคนทำงาน 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานในส่วนของนักพัฒนาโครงการ (developer) ประมาณ 600 คน ส่วนที่เหลือ คือ พนักงานด้านการให้บริการ 400 คน ทั้งนี้ “พีระพงศ์” มองว่าการขยายตัวทางธุรกิจของออริจิ้นฯ ทำให้ต้องรับพนักงานใหม่ทุกปี พูดง่าย คือ เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” ในทุกปี ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับยอดขายและยอดโอนที่เติบโตเพิ่มขึ้น ถ้านับจำนวนงานตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ รวมทั้งสิ้น 30 โครงการ

เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจ และ DNA สำคัญของคนทำงานในแบบออริจิ้นฯ ต้องเป็นอย่างไร “พีระพงศ์” บอกว่า นอกเหนือจากต้องเป็น “คนดี” แล้ว จะต้องทำงานได้จริง มีความยืดหยุ่น ทำงานได้ดี และจับต้องได้ รวมไปจนถึงติดดิน และที่สำคัญ คือ ต้องทำงานเพื่อประโยชน์ต่อทั้งลูกค้า และองค์กร นอกจากนี้จะต้องไม่มีการแบ่งชนชั้น กล้าแสดงออก และมีความรับผิดชอบ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีการเมืองภายในเกิดขึ้นในองค์กรเลย และคนทำงานเก่ง ๆ จะได้รับการให้รางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานด้วย เช่น เงินส่วนแบ่ง และโบนัส รวมถึงการเลื่อนตำแหน่งอีกด้วย

นอกจากนั้น “พีระพงศ์” ยังเล่าถึงการคัดเลือกคนทำงานของออริจิ้นฯว่า เราให้น้ำหนักในการรับคนที่จะต้องมีคุณสมบัติ คือ ต้องเป็นคนดี ก่อนคนเก่ง เพราะถ้าไม่เก่ง แต่เราหาวิธีเทรนให้เขาได้ ทุกคนอาจจะมีเชื้อคนดีอยู่ที่ 50% ซึ่งก็จะไปชวนคนที่สนิทมา ซึ่งปัญหาเหล่านี้เราเจอน้อยมาก จากการเชื่อมต่อของเขาเอง พอใจแบบไหนไปรับมา ส่วนเรื่องงานที่จะทำเป็นหรือไม่นั้น เรามีแพลตฟอร์มที่จะทำงานให้มันที่สุด

“ระบบของเราไม่ยาก แต่ละคนเมื่อเทรนกับเราแล้ว ก็สามารถไหลกลายเป็นฟันเฟืองที่ดี” พีระพงศ์บอกอย่างนั้น

นอกจากนี้ ออริจิ้นฯไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่าจะต้องจบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงหรือไม่ แต่จะเน้นเลือกคนที่มีสไตล์คล้ายกัน โดยเฉพาะจะเน้นรับพนักงานที่เป็นคนต่างจังหวัด เพราะรู้สึกว่าคุยกันรู้เรื่อง ส่วนคนทำงานที่เป็นคนกรุงเทพ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้ว เขาจะมีความเร็ว และล้ำสมัยมาก

ทฤษฎีนี้ “พีระพงศ์” บอกว่า เป็นวิธีที่ใช้ได้เลยทีเดียว ที่สำคัญ ยังทำให้ออริจิ้นฯเติบโตมาจนถึงวันนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีงานที่หลากหลายมากขึ้น อาจจะปรับนำคนเก่งเข้ามาทำงานในระยะสั้น ๆ บ้าง และจะรับทั้งผู้จบจากทั้งมหาวิทยาลัยทั้งในและนอกประเทศ

“ผมไม่รับคน Gen Y แบบจ๋ามาก บ้านมีฐานะ ผมชอบคนทำงานที่มีการต่อสู้ชีวิตมา และความคิดเหล่านี้จะเข้ามาสะท้อนในงานของผม ปัจจุบันออริจิ้นฯมีการเทิร์นโอเวอร์อยู่ในระดับที่ดีกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากโตทุกปี และผมเองก็หาบิสซิเนสใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ วันนี้คนทำงานของเราที่อายุเฉลี่ย 30 ปี ก็เป็น VP แล้ว กว่าจะเกษียณเราต้องมองว่าจะมีแคเรียร์อะไรที่รองรับเขาได้ ซึ่งนโยบายของออริจิ้นฯนั้น ทุก 2 ปี พนักงานจะได้รับการขยับตำแหน่ง”

ทั้งนี้ สำหรับออริจิ้นฯยังมีความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรในธุรกิจเดียวกันทั้งญี่ปุ่น และจีนอีกด้วย ในการเข้าไปลงทุนในกลุ่ม startup ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของออริจิ้นฯ ที่จะขยายกิจการไปยังต่างประเทศ พร้อมกันนี้ในช่วงท้าย “พีระพงศ์” ยังร่างภาพของออริจิ้นฯในอนาคตให้ฟังด้วยว่า สำหรับระยะสั้น ออริจิ้นฯจะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมเอาไว้ในระดับท็อปทรีต่อไป

“ส่วนระยะกลาง ออริจิ้นฯวางเป้าหมายที่จะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรในอีก 5 ปีข้างหน้า นั่นหมายถึงการมีสินค้าครบทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น โรงแรม, สำนักงาน, อพาร์ตเมนต์ ไปจนถึงแวร์เฮาส์ เป็นต้น ส่วนในระยะยาว ต้องการให้ออริจิ้นฯขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ ในฐานะบริษัทคนไทยที่เชี่ยวชาญในธุรกิจนี้อย่างแท้จริง”

อันเป็นคำตอบของ “พีระพงศ์ จรูญเอก”