ครบรอบ 27 ปี “ดอยคำ” ส่งพลังความรัก สร้างสังคมยั่งยืน

ดอยคำ

อาจเนื่องเพราะครบรอบ 27 ปีของบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด จึงทำให้คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และพนักงานขอถือโอกาสส่งต่อพลังความรัก ความห่วงใย แทนคำขอบคุณจากใจฅนดอยคำ เพื่อเป็นกำลังใจให้คนไทยผ่านพ้นทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (โควิด-19) ที่ส่งผลกระทบไปต่อทุกภาคส่วนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งดอยคำพร้อมที่จะเคียงข้างเพื่อเป็นกำลังใจ และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กับคนไทยทุกคน

ผลเช่นนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2537 วันแรกที่ดอยคำจัดตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ “บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด” ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามศาสตร์พระราชา ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนจวบจนปัจจุบัน

เบื้องต้น “พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่าตลอดระยะเวลาผ่านมา ดอยคำยังคงยึดมั่นในความเป็นต้นแบบธุรกิจเพื่อสังคม ด้วยการดำเนินงานส่งเสริมการเพาะปลูกและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม

พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด

“โดยนำมาผลิตและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ส่งผลดีต่อสุขภาพ ภายใต้กระบวนการผลิต และบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการมุ่งมั่นพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน”

ด้วยการสร้าง “ความสมดุล” 3 ด้าน อันได้แก่

หนึ่ง ด้านเศรษฐกิจ : ดอยคำกำหนดกรอบการทำงานไว้ว่า บริษัทต้องมีกำไรพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไป โดยผลกำไรจะถูกนำมาใช้ในการดูแลคนดอยคำ รวมทั้งนำกลับมารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บางส่วนนำมาใช้ในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพที่ดีในราคาที่เป็นธรรม

“โดยบริษัทตั้งเป้าผลกำไรไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2-2.5 แต่จะไม่เกินร้อยละ 10 หากปีไหนได้ผลกำไรเกินร้อยละ 10 บริษัทจะพิจารณาทบทวนในเรื่องของการเพิ่มปริมาณการรับซื้อผลผลิตจากเกษตร การดำเนินงานในลักษณะนี้จะช่วยให้รากแก้วของสังคมและชุมชนไทยเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”

สอง ด้านสังคม : ดอยคำดำเนินงานเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงานหลวงฯทั้ง 3 แห่ง เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามศาสตร์ของพระราชา และโมเดลของดอยคำกว่า 2,000 ครัวเรือน ได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาวัดให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแก่คนในชุมชน ผ่านโครงการวัดของเรา วัดของชุมชน

“ทั้งนี้ยังได้พัฒนาการศึกษาด้วยการพัฒนาโรงเรียนในบริเวณโดยรอบโรงงานหลวงฯ การมอบความรู้แก่เกษตรกรกับโครงการส่งเสริมความรู้ด้านพืชเกษตร การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่ยุวมัคคุเทศก์ ยุวเกษตร และเยาวชนที่ช่วยเหลือสนับสนุนงานโรงงานหลวงฯทั้ง 3 แห่ง ทำให้เด็กเยาวชนได้มีโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น อีกทั้งดอยคำยังได้สร้างพื้นที่การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาประเทศอย่างรอบด้านและยั่งยืน”

“ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์พื้นที่ที่มีชีวิต (Living SITE MUSEUM) โดยจะพัฒนาโรงงานหลวงฯ และพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ (A Platform for Learning Experience) เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเรียนรู้ได้เรียนรู้ จากประสบการณ์จริงในชุมชน ซึ่งจะทำให้สังคมชุมชนเกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน”

สาม ด้านสิ่งแวดล้อม : ดอยคำตระหนัก และให้ความสำคัญเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน อีกทั้งเพื่อร่วมปกป้องสภาพอากาศ และลดภาวะโลกร้อน ด้วยการเดินหน้าจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

“ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ Doikham Go Green ได้แก่ กิจกรรมแกะ ล้าง เก็บ เพื่อมุ่งสู่สังคมไร้ขยะ พลังงานทดแทน มาตรฐานอาคารเขียว บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงการปลูกป่าในใจคน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง ฯลฯ”

“พิพัฒพงศ์” กล่าวต่อว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (โควิด-19) ตั้งแต่ปี 2562 ดอยคำได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์แทนความห่วงใยแด่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลสนามทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่โรงงานอาหารสำเร็จรูปทั้ง 3 แห่ง และหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงร่วมบริจาคกล่องกระดาษทำเตียงสนามให้ผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 พร้อมสนับสนุนให้คนไทยฉีดวัคซีน

“สำหรับในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นเดือนครบรอบ 27 ปี ดอยคำขอมอบความพิเศษกับกิจกรรมดอยคำชวนรัก(ษ์) โลก มุ่งสู่สังคมไร้ขยะ 1 กล่อง มีมูลค่า 1 บาท กับกิจกรรมแกะ ล้าง เก็บเพียงแค่นำกล่องยูเอชทีภายใต้แบรนด์ดอยคำ ทั้งขนาด 200 มล., 500 มล. และ 1,000 มล. (ผ่านขั้นตอนแกะ ล้าง เก็บ อย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น)”

ซึ่งทุกขนาดมีมูลค่า 1 บาท สามารถนำมาแลกซื้อผลิตภัณฑ์ตราดอยคำแทนเงินสดได้โดยไม่มีขั้นต่ำได้ที่ร้านดอยคำทุกสาขา (โดยไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้) ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564

“ทั้งนั้นเพื่อดอยคำจะได้มุ่งมั่นที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด ตามศาสตร์พระราชา สู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง”

นับว่าน่าสนใจทีเดียว