Medix ชูนวัตกรรมสุขภาพ ปัจจัยสำคัญในการดูแลและดึงดูดพนักงาน เปลี่ยนการวินิจฉัยและเพิ่มตัวเลือกการรักษาที่ดีขึ้น
ปัจจุบันองค์กรจำนวนมากเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างแบรนด์นายจ้างที่ดี รวมถึงการเป็นทูตทางด้านสุขภาพ เพราะการทำงานที่มีประสิทธิผลของพนักงานมาจากการมีสุขภาพดี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสำเร็จขององค์กร ผลเช่นนี้ จึงทำให้บริษัทใหญ่ ๆ หลายรายลงทุนด้านบริการสุขภาพให้กับพนักงาน ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ ที่สำคัญคือการได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องเพื่อให้เป็นไปตามการรักษาอย่างถูกวิธี
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
บริษัท เมดิกซ์ (Medix) มองเห็นช่องว่างของระบบการดูแลสุขภาพในหลายประเทศ ที่ปัญหาส่วนใหญ่มาจากการไม่มีเครื่องมือให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยได้ทันทีและตามที่ต้องการ จึงสร้างนวัตกรรมการจัดการทางการแพทย์คุณภาพสูง และขยายกิจการอย่างต่อเนื่องกว่า 90 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
“ซิกัล อัทซ์มอน” ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมดิกซ์ (Medix) กล่าวว่า บริษัทเมดิกซ์ก่อตั้งเมื่อปลายปี 2006 ส่วนหนึ่งมาจากแรงผลักดัน (passion) ที่อยากเป็นหมอตั้งแต่ตอนเด็ก แต่กลับไปเลือกเรียนด้านกฎหมายเศรษฐศาสตร์
“อีกส่วนอาจมาจากประสบการณ์การเข้ารับการรักษาด้วยแมมโมแกรม ทำให้มองเห็นว่าผู้ป่วยที่เผชิญกับการรักษาโรคร้ายแรงมักจะรู้สึกเป็นกังวลและโดดเดี่ยว พวกเขาไม่มีเครื่องมือที่ทำให้รู้ว่าการวินิจฉัยถูกต้องหรือไม่ หมอคนใดดีที่สุด การรักษารูปแบบใดเหมาะสมที่สุด และไม่รู้ล่วงหน้าด้วยว่าจะจ่ายค่ารักษาไหวหรือไม่ ที่สุดจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา และทำวิจัยความต้องการของผู้ป่วย บริษัทประกัน รัฐบาล และแพทย์ ส่วนบริการแรกที่ทำคือ บริการจัดการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล”
ซึ่งเป็นบริการที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการวินิจฉัยโรคร้ายแรง หาทางเลือกการรักษาที่ดีที่สุดและโรงพยาบาลที่ดีสุด เพราะต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก มีคุณภาพแตกต่างกัน โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยหลากหลาย และจำนวนมากก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แพทย์มีความชำนาญมากกว่าได้
ดังนั้น หน้าที่ของ Medix คือซัพพอร์ตด้านข้อมูลแบบบูรณาการให้กับผู้ป่วย รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์ทั้งหมด เช่น ผลสแกน MRI (เอ็มอาร์ไอ) ผลการตรวจเลือด เพื่อปรึกษากับเครือข่ายแพทย์ระดับประเทศและบางครั้งในต่างประเทศด้วย รวมความคิดเห็นที่แตกต่างกันของแพทย์ มาวิเคราะห์เป็นข้อเสนอแนะเดียวที่ดีที่สุด เพื่อยืนยันหรือเปลี่ยนการวินิจฉัยว่าทางเลือกการรักษาที่ดีที่สุดคืออะไร และต้องรักษาที่ไหน
“ซิกัล อัทซ์มอน” กล่าวต่อว่า บริษัทให้บริการอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง พยาบาลเฉพาะทาง และผู้ประสานงานทางการแพทย์เฉพาะทาง โดยทั่วไปการจะได้พบแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอันดับต้น ๆ ต้องใช้เวลารอมากพอสมควร
“บางทีผู้ป่วยมีคำถาม ไม่รู้จะหันหน้าพึ่งใคร เราจึงทำหน้าที่รวบรวมทุกคำถามที่ผู้ป่วยต้องการคำตอบ บริหารจัดการให้แพทย์ในเครือข่ายของ Medix ตอบ ดังนั้น เมื่อมีแพทย์อยู่เคียงข้าง ผู้ป่วยก็จะมีกำลังใจมากขึ้น”
“บริการของ Medix เป็นระบบช่วยเหลือผู้ป่วยแบบ end-to-end ซึ่งจากข้อมูลเคสผู้ป่วยทั้งหมดของเราทั่วโลกพบว่า มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 20% ที่เราช่วยเปลี่ยนการวินิจฉัยให้ดีขึ้น และมีเคสผู้ป่วยที่แนะนำตัวเลือกการรักษาที่ดีกว่าที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จำนวนมากกว่า 43%”
อีกบริการที่สำคัญคือ prevention services (บริการวินิจฉัยป้องกันโรค) ซึ่งการป้องกันอาการเจ็บป่วยด้วยการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ มีความจำเป็น เพื่อป้องกันความเสี่ยงของบุคคล เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนั้น ยังมีการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพหลังจากอาการเจ็บป่วยร้ายแรงเพื่อกลับไปทำงานได้เร็วที่สุด และกลับสู่ชีวิตปกติ
“เราลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัลอย่างมาก เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลที่ดีขึ้น เช่น ผู้ป่วยสามารถสอบถามผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เราพัฒนาด้วยอัลกอริทึมช่วยประเมินความเสี่ยงของบุคคลในโรคต่าง ๆ ได้ ที่สำคัญราคาที่ผู้ป่วยจะได้รับบริการจากโรงพยาบาลต้องสมเหตุสมผล”
“ซิกัล อัทซ์มอน” บอกว่า Medix ทำแผนกวิจัยทางคลินิกที่ใหญ่มาก มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้การรับรองการวิเคราะห์ของแพทย์ และมีระบบการวิเคราะห์เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของแพทย์ เช่น ข้อมูลทางการศึกษาของแพทย์ สถานที่ที่แพทย์เคยฝึกงาน ประเภทความเชี่ยวชาญพิเศษ และผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง
“สิ่งที่เราให้บริการทำเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ และไม่มีข้อตกลงด้านการเงินกับทางแพทย์ ทั้งนี้ เรามีการให้คะแนนแพทย์ด้านคุณภาพการรักษา ว่าแนะนำผู้ป่วยให้ข้อมูลผู้ป่วยเพียงพอหรือไม่ อธิบายตัวเลือกการรักษาที่แตกต่างกันหรือไม่ มีจดหมายรับรองแพทย์หรือไม่ เพื่อให้ผู้ป่วยมีข้อมูลที่ดีเพียงพอ”
“เพื่อทำให้เราได้แพทย์มาอยู่ในเครือข่ายที่มีความสามารถและมาตรฐานสูง ทำให้เรามีฐานข้อมูลทางด้านการแพทย์และโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก ที่สำคัญตอนนี้เรามีฐานลูกค้ามากกว่า 5 ล้านคน กว่า 90 ประเทศ”
“ซิกัล อัทซ์มอน” ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ภูมิภาคเอเชียมีความสำคัญกับธุรกิจของ Medix มาก เพราะมีช่องว่างและมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากประชาชนมีความตระหนักและความต้องการบริการด้านสุขภาพที่ดีขึ้น
ส่วนรัฐบาลในหลายประเทศกำลังดำเนินการผลักดัน ปรับปรุงเรื่องสาธารณสุข และการปรับรูปแบบค่าใช้จ่ายด้านประกันสุขภาพใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถมีกำลังซื้อมากขึ้น
“เรามีสำนักงานในประเทศไทย, ฮ่องกง, สิงคโปร์, จีน, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม และดูไบ นอกจากนั้นเพิ่งเปิดที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และมิวนิก ประเทศเยอรมนี ส่วนประเทศไทยเป็นประเทศท็อป 3 ที่เติบโตสูงสุด เพราะนวัตกรรมของเราค่อนข้างใหม่สำหรับประเทศไทย”
“ดังนั้น จึงไม่มีคู่แข่งที่ให้บริการแบบเดียวกัน ผู้ประกอบการรายอื่นจะเป็นการให้บริการการขอความคิดเห็นที่ 2 ทางการแพทย์ (second medical opinion) เท่านั้น แต่ของ Medix ต่างกันที่เราให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังการรักษา รวมถึงการสนับสนุนทางด้านจิตใจและอารมณ์สำหรับของผู้ป่วย”
นอกจากนั้น Medix ยังมีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อให้คนไทยเข้าถึงบริการของบริษัทง่ายขึ้น ทั้งยังมีลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ระดับประเทศ และบริษัทข้ามชาติทั่วโลกที่มาใช้บริการเพื่อดูแลพนักงานของพวกเขา รวมถึงลูกค้าส่วนบุคคลก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความต้องการด้านดูแลสุขภาพของลูกค้าเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้คนมีความกังวลมากขึ้น และอยากเข้ารับการดูแลสุขภาพแบบระบบอัตโนมัติทางไกล
ที่สำคัญ ตอนนี้คนไทยเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับโทรเวชกรรม (telemedicine) และการดูแลรักษาตนเองที่บ้านแบบเสมือนจริง (virtual home care) โดยผ่านการพูดคุยกับแพทย์และพยาบาลทางโทรศัพท์หรือวิดีโอ
“ซิกัล อัทซ์มอน” อธิบายต่อว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสัญญาณเตือนที่ทำให้นายจ้างต้องการสร้างความมั่นใจว่าพนักงานมีสภาพแวดล้อมการจ้างงานที่ดี และมีสุขอนามัยที่ดี องค์กรจำนวนมากเข้าใจดีว่าพวกเขาจำเป็นต้องสร้างแบรนด์นายจ้างที่ดี จึงทำให้บริษัทใหญ่ ๆ หลายรายลงทุนด้านสุขภาพให้กับพนักงาน และกำลังมองหาบริการด้านการแพทย์อย่างยั่งยืน
โดยมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ทางเลือก ไม่ใช่ความหรูหรา แต่เป็นบรรทัดฐานและเป็นสิ่งสำคัญ ผลตรงนี้จึงทำให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ต้องพยายามช่วยพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 และโปรแกรมด้านรักษาสุขภาพจิตเพื่อสนับสนุนคนทำงานที่บ้านด้วย
“เพราะการทำงานที่บ้านไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมสำหรับพนักงานทุกคน เนื่องจากบางคนไม่มีบ้านหลังใหญ่ หรือบางครั้งมีเสียงรบกวนเพราะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ องค์กรจึงต้องจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งเป็นความท้าทายมากสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล ทั้งยังต้องการหาวิธีควบคุมการทำงานที่บ้าน ต้องสร้างความยืดหยุ่น ความสุข และสุขภาพของพนักงานด้วย”
องค์กรของ Medix ค่อนข้างใหญ่มีพนักงานกว่า 500 คนในหลายประเทศ มีแพทย์และพยาบาลประจำบ้านอีก 300 คน และทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 4000 คนทั่วโลก และมีแผนก HR ขนาดใหญ่คอยมองหาคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างความแตกต่างและทำงานในบริษัทที่ต้องเคลื่อนที่เร็ว
“ซิกัล อัทซ์มอน” กล่าวในตอนท้ายว่า การที่เรามีสำนักงานในหลายประเทศ ทำให้มีวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับความหลากหลาย ต้องการคนทำงานที่มีทัศนคติเชิงบวก มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับชีวิต และให้ความสำคัญกับการช่วยชีวิตผู้อื่น ซึ่งบริษัทรับสมัครคนตลอดเวลา เพราะบกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“Medix ยอมรับวัฒนธรรมท้องถิ่นแต่ละประเทศ และไม่พยายามเปลี่ยนคนในองค์กรให้เป็นวัฒนธรรมประเภทหนึ่ง ทั้งยังให้การเคารพซึ่งกันและกัน เปิดกว้าง ยอมรับความคิดเห็น ส่วนสิ่งที่แตกต่างกันคงมีแค่เรื่องภาษาเท่านั้น”
นับว่านวัตกรรมของเมดิกซ์มีส่วนสำคัญในการรักษา และดึงดูดพนักงานให้อยู่กับองค์กรอย่างน่าสนใจ
