รัฐบาลเดินหน้าตั้งกองทุนคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เพิ่มสิทธิประกันสังคม ม.40

แฟ้มภาพ

รองโฆษกรัฐบาลเผย ความคืบหน้าจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม รัฐบาลเดินหน้าจัดตั้งกองทุนคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน ม.40

วันที่ 1 ธันวาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าจากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้เร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบใน 9 ประเภทกิจการ ครอบคลุมพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด

โดยได้เริ่มทยอยโอนเงินเยียวยาเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนของผู้ประกันตน ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2564 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตน มาตรา 33, 39 และ 40 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ่ายไปแล้วเป็นเงิน 100,807,738,500 บาท ครอบคลุม นายจ้างจำนวน 176,769 แห่ง และผู้ประกันตนรวมทั้งสิ้น 12,096,818 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564)

รองโฆษกฯยังเผยต่อว่า สำหรับกลุ่มแรงงานนอกระบบ ซึ่งสถิติปี 2563 ประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบจำนวน 20.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 53.8 ของผู้มีงานทำทั้งหมด 37.9 ล้านคน อยู่ในภาคเกษตรกรรมมากที่สุด ร้อยละ 55.6 รองลงมาคือ ภาคการค้าและบริการ ร้อยละ 34.1 และภาคการผลิต ร้อยละ 10.3 รัฐบาลมีนโยบายดูแลเพื่อให้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ในการประกอบอาชีพและหลักประกันทางสังคมให้ครอบคลุม

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เช่น การรณรงค์ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ การช่วยเหลือกลุ่มแรงงานนอกระบบหรือองค์กรแรงงานนอกระบบ

รวมถึงการให้แรงงานนอกระบบสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนทั้งแบบรายบุคคลและรายกลุ่ม เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต และมีหลักประกันทางสังคมสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ เช่น ประกันทรัพย์สิน ประกันชีวิต ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์นอกเหนือจากที่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับจากกองทุนประกันสังคม สำหรับแหล่งรายได้ของกองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบมาจาก เช่น ค่าสมาชิกรายปีคนละ 360 บาท ทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ครั้งเดียววงเงิน 100 ล้านบาท และเงินดอกผลของกองทุน

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ ขอเชิญชวนให้มาสมัครเป็นสมาชิกประกันสังคม มาตรา 40 เพราะจะได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ประกันสังคม กรณี เช่น ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยทุพพลภาพ ตาย และขณะนี้ รัฐบาลได้ขยายอายุผู้ประกันตน มาตรา 40 เป็น 65 ปี ทั้งนี้ในระยะต่อไป เมื่อกองทุนได้จัดตั้งเป็นที่เรียบร้อย ก็จะเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงเงินทุนประกอบอาชีพ และความมั่นคงในการประกอบอาชีพ” นางสาวรัชดากล่าว