มิโดเปิดตัวมัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท พร้อมการเยือนไทยครั้งแรกของคิม ซู ฮยอน

คิม ซู ฮยอน

มิโด (MIDO) เปิดตัวนาฬิกาหรู “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท” การกลับมาของนาฬิการูปทรงทีวีระดับตำนาน พร้อมการมาเยือนประเทศไทยของซูเปอร์สตาร์ชื่อดังจากเกาหลี “คิม ซู ฮยอน” ในฐานะมิโดเอเชียนแบรนด์แอมบาสซาเดอร์

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จัดงานเปิดตัวนาฬิกาหรูคอลเล็กชั่นระดับตำนาน “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date) ในรูปลักษณ์ใหม่ประจำปี 2023 ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนรูปทรงทีวีสุดคลาสสิก สะท้อนสไตล์ไอคอนิกสุดฮิตประจำยุค 70s

โดยไฮไลต์ของงานนอกจากที่ทุกคนจะได้ยลโฉมนาฬิกาหรูแล้ว ยังได้พบกับ “คิม ซู ฮยอน” (Kim Soo Hyun) นักแสดงหนุ่มชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ในฐานะมิโดเอเชียนแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยครั้งแรก

ภายในงานตกแต่งขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Inspired by New Visions” ที่จะพาทุกคนเพลิดเพลินไปกับแสง สี และกรอบทีวีสุดคลาสสิกที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ในค่ำคืนที่ผ่านมา (29 มิถุนายน 2566)

นายฟรานซ์ ลินเดอร์ ประธานบริหารแบรนด์มิโด (MIDO) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า เราได้จัดงานครั้งนี้ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในระดับเอเชีย เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวนาฬิกาคอลเล็กชั่นล่าสุดอย่างมัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท (Multifort TV Big Date) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรือนเวลาที่สะท้อนสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์จากรูปทรงทีวีที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1973 (พ.ศ. 2516) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไอคอนิกแห่งยุคในขณะนั้นเลยก็ว่าได้

จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้วกว่า 50 ปี ในครั้งนี้เราได้หยิบยกเอาความคลาสสิกมาผสมผสานกับความร่วมสมัย ด้วยการนำหน้าปัดตัวเรือนรูปทรงทีวีมาออกแบบใหม่อีกครั้งในปี 2023 โดยเพิ่มความโดดเด่นด้วยช่องตัวเลขบอกวันที่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือที่เรียกว่า บิ๊ก เดท (Big Date) มาบรรจงดีไซน์ด้วยการไล่เฉดสีบนหน้าปัดนาฬิกาเพื่อเพิ่มมิติให้ดูสวยงาม

นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจากคิม ซู ฮยอน ในฐานะมิโดเอเชียนแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ มาร่วมนำเสนอสไตล์อันโดดเด่นด้วยการเลือกนาฬิกาจากคอลเล็กชั่นนี้มามิกซ์แอนด์แมตช์ในลุกของตนเองอีกด้วย

มร.ฟรานซ์ ลินเดอร์
นายฟรานซ์ ลินเดอร์ ประธานบริหารแบรนด์มิโด (MIDO)

ด้านมิโดเอเชียนแบรนด์แอมบาสซาเดอร์หนุ่ม “คิม ซู ฮยอน” กล่าวถึงคอลเล็กชั่นนี้ว่า ในฐานะที่ผมเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มากมาย ทั้งในสายงานโทรทัศน์และแวดวงภาพยนตร์ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่นำเสนอสไตล์ของเรือนเวลาคอลเล็กชั่นพิเศษ อย่างมัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท ที่มีความโดดเด่นของการออกแบบและเปี่ยมไปด้วยฟังก์ชั่นที่มีความทันสมัย อีกทั้งยังสะท้อนถึงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มิโดได้เป็นอย่างดี

โดยเสน่ห์เหนือกาลเวลานี้จะต้องเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาที่มีความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ผมเชื่อว่ามัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกท่านได้อย่างแน่นอน

คิม ซู ฮยอน
คิม ซู ฮยอน

สำหรับคอลเล็กชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date) รูปโฉมประจำปี 2023 นั้น ได้หยิบยกแรงบันดาลใจจากนาฬิกาที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์อย่างรูปทรงทีวีที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 1973 ถูกนำมาดีไซน์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

โดยตัวเรือนรุ่นไฮไลต์มาในดีไซน์สเตนเลสสตีลหน้าปัดรูปทรงทีวี พร้อมกับการตกแต่งหน้าปัดโดยการขัดซาตินแนวนอน เพิ่มความโดดเด่นด้วยการไล่เฉดสีจากสีน้ำเงินไปจนเป็นสีดำ เพิ่มมิติความสวยงามยามสะท้อนแสง เพิ่มความพิเศษด้วยช่องบอกวันที่ขนาดใหญ่ตามแบบฉบับรุ่นบิ๊ก เดท (Big Date) ตรงบริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา

อีกทั้งเข็มนาฬิกาทั้งเข็มชั่วโมงและเข็มนาทียังได้รับการเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว ช่วยให้ง่ายต่อการอ่านค่าในที่แสงน้อย ที่มาพร้อมสายนาฬิกาสเตนเลสสตีลสุดคลาสสิก เพื่อความแข็งแรงทนทาน ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง

มิโด คอลเล็กชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท”

พร้อมบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ซึ่งทนทานต่อแรงกระแทกและแรงสนามแม่เหล็กได้อย่างดีเยี่ยม ครอบทับด้วยกระจกหน้าปัดที่ผลิตจากคริสตัลแซปไฟร์เพื่อความทนทาน อีกทั้งยังเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้านอีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นกลไกการทำงานผ่านกระจกด้านหลังตัวเรือน ซึ่งเผยให้เห็นชิ้นงานโรเตอร์ขึ้นลานที่ตกแต่งด้วยลวดลายโกตส์ เดอ เฌอแนฟ (‘Côtes de Genève’) พร้อมสลักโลโก้ “มิโด” (MIDO) เอาไว้อย่างงดงาม โดยตัวเรือนมีความสามารถในการกันน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร

มิโด คอลเล็กชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท”

ไม่เพียงเท่านี้ มิโดยังเปิดตัวอีก 4 ดีไซน์ที่ผู้สวมใส่สามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนและสายนาฬิกาสเตนเลสสตีล ที่มาพร้อมหน้าปัดโทนสีเขียวไล่เฉดสี (Green Gradient) สำหรับคนที่ต้องการความคลาสสิกและโดดเด่นได้ในขณะเดียวกัน

ถัดมาที่ตัวเรือนและสายนาฬิกาสเตนเลสสตีลที่มาพร้อมกับหน้าปัดโทนสีดำไล่เฉดสี (Black Gradient) เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเรียบโก้

รวมถึงตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่มาพร้อมกับหน้าปัดโทนสีน้ำเงินไล่เฉดสี (Blue Gradient) จับคู่มากับสายนาฬิกายางสีกรมสุดโดดเด่น

ปิดท้ายที่ตัวเรือนสเตนเลสสตีลหน้าปัดโทนสีดำไล่เฉดสี (Black Gradient) ที่มาพร้อมสายนาฬิกายางสีส้มซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของมิโด (MIDO) ซึ่งสามารถเติมเต็มลุกสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี

มิโด คอลเล็กชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท”