รู้จักโรคตาขี้เกียจ ภาวะมองเห็นไม่ชัด ที่พบบ่อยในเด็ก

ผู้ปกครองทุกคนล้วนอยากให้ลูกหลานมีพัฒนาการที่เหมาะสมและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงสมวัย อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องสังเกตคือพัฒนาการด้าน “การมองเห็น” เด็กบางคนอาจมีการมองไม่ชัดเท่าคนทั่วไป หรือมีอาการตาพร่ามัว ซึ่งอาจเป็นอาการของ “โรคตาขี้เกียจ” (Lazy Eye) ภาวะที่ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน และหากไม่รักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โตไปอาจรักษาไม่หาย

รู้จักโรคตาขี้เกียจ

“พญ.จิรนันท์ ทรัพย์ทวีผลบุญ” จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการโรคต้อหิน ศูนย์จักษุ รพ.วิมุต กล่าวว่า โรคตาขี้เกียจ คือ ภาวะที่ตาหนึ่งข้างหรือสองข้างมีพัฒนาการมองเห็นภาพชัดไม่เต็มที่ ซึ่งส่วนมากสามารถเกิดได้ในเด็กเล็กอายุ 1-7 ขวบ เป็นต้นไป ทำให้การมองเห็นคมชัดน้อยกว่า

พญ.จิรนันท์ ทรัพย์ทวีผลบุญ
พญ.จิรนันท์ ทรัพย์ทวีผลบุญ

เด็กที่มีภาวะตาขี้เกียจจะมีการมองเห็นลดลงกว่าปกติเมื่อเทียบกับคนทั่วไปโดยมีความรุนแรงของโรคหลายระดับ ในกรณีที่เป็นข้างเดียวเพียงเล็กน้อยอาจไม่กระทบรุนแรงนัก แต่ถ้าเป็นมากหรือเป็นทั้ง 2 ตาจะยิ่งทำให้แย่ลง อาจมีผลในกรณีที่ทำกิจกรรมที่ต้องการความคมชัดสูง หรืออาจทำให้ความสามารถในการมองภาพสามมิติลดลง

สาเหตุเสี่ยงโรคตาขี้เกียจ

โรคตาขี้เกียจมักพบบ่อยในเด็กและมีสาเหตุนำโรคอยู่หลายประการ กลุ่มแรกคือเด็กที่มีภาวะตาเหล่ ส่งผลให้ตาสองข้างมองคนละตำแหน่งและทำให้เกิดภาพซ้อน ร่างกายของเด็กจึงมีกลไกในการลดการเกิดภาพซ้อน ด้วยการยับยั้งพัฒนาการของตาข้างที่ไม่ถนัด

ต่อมาคือกลุ่มที่มีค่าสายตา พบได้บ่อยในเด็กที่มีค่าสายตาทั้งสองข้างต่างกันมาก ทำให้เกิดการเลือกพัฒนาเฉพาะตาข้างที่ถนัด ส่วนตาที่ไม่ถนัดก็จะไม่ใช้งาน ทำให้พัฒนาความสามารถในการมองเห็นไม่เต็มที่ ในกรณีที่มีค่าสายตามากทั้งสองข้าง ก็อาจมีภาวะตาขี้เกียจพร้อมกันทั้งสองข้างได้

อีกกลุ่มคือมีภาวะต้อกระจกแต่กำเนิด เปลือกตาตก กระจกตาขุ่น ซึ่งเป็นอาการผิดปกติที่บดบังหรือรบกวนการมองเห็น จะเป็นกลุ่มที่รักษายากที่สุด และหากเป็นเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าปกติ คลอดก่อนกำหนด หรือคนในครอบครัวเป็นโรคตาขี้เกียจ ก็มีโอกาสมากกว่าคนทั่วไปที่จะเป็นโรคนี้

รักษาไว โอกาสหายยิ่งสูง

โดยปกติภาวะนี้อาจไม่มีอาการแสดงชัดเจน แต่หากผู้ปกครองหรือตัวเด็กสังเกตเห็นความผิดปกติที่กระทบการมองเห็น เช่น ต้อกระจก หนังตาตก ตาเหล่ ก็สามารถไปพบแพทย์ได้ทันที ส่วนในกรณีที่เป็นตาขี้เกียจจากการมีค่าสายตา อาจต้องพิจารณาความสามารถในการมองเห็นเพิ่มเติม ซึ่งตรวจสอบด้วยตัวเองได้ยาก จึงแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมกับแพทย์โดยตรง

การตรวจตาในเด็กจะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ เบื้องต้นจะตรวจการมองเห็น การกลอกตาและการใช้กล้ามเนื้อตา ค่าสายตา ตรวจขยายของม่านตา ตรวจวัดแว่นโดยการหยอดยาคลายการเพ่ง เป็นต้น จากนั้นเมื่อรู้ถึงต้นเหตุก็จะรักษาตามอาการ อาจใช้การผ่าตัด การตัดแว่น จ่ายยาหยอดตา หรือปิดตาข้างดีเพื่อให้ตาข้างที่มีปัญหามีพัฒนาการ ก็จะช่วยให้โรคตาขี้เกียจบรรเทาหรือหายสนิทได้

เนื่องจากตาขี้เกียจมีความรุนแรงหลายระดับ มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค และใช้เวลาในรักษาแตกต่างกัน การตอบสนองต่อการรักษาจึงแตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรเอาใจใส่และสังเกตการมองเห็นของเด็กเสมอ หากเจออาการผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ จะรักษาได้เร็ว เพิ่มโอกาสหายหรือกลับมามองเห็นใกล้เคียงปกติได้มากขึ้น