FTA ดันส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปไตรมาส 1 ปี’66 มูลค่ากว่า 4.1 พันล้านเหรียญ

FTA ดันส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป

สินิตย์ เผยสถานการณ์ส่งออกสินค้าไทยไปประเทศคู่ FTA ไตรมาสแรก ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปของไทยกลับโตแรง 11.4% มูลค่ากว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มั่นใจแนวโน้มส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง แนะใช้ FTA เพิ่มแต้มต่อ

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าของไทยไปยังกลุ่มประเทศคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) 18 ประเทศ ในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2566) มีมูลค่า 41,216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกมีสภาวะถดถอย ทำให้การส่งออกชะลอตัวเล็กน้อย แต่หากพิจารณาการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไปกลุ่มประเทศคู่ FTA สามารถขยายตัวได้ดี ซึ่งมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าการส่งออกไปประเทศที่ไทยไม่มี FTA

โดยสินค้าเกษตรส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่า 4,106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%) สัดส่วน 69.7% ของการส่งออกสินค้าเกษตร สำหรับสินค้าเกษตรแปรรูปส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่า 4,162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+11.4%) คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งหมด ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าเกษตรไปกลุ่มประเทศที่ไทยไม่มี FTA (-6%) และการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปไปกลุ่มประเทศที่ไทยไม่มี FTA (+6%)

“แนวโน้มการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในอนาคตมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจีนได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกเติบโต อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการผลิต และเป็นที่ต้องการของตลาด

ดังนั้น ผู้ประกอบการควรใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับสินค้าให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างจุดเด่นให้กับสินค้า และแสวงหาตลาดศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อเป็นโอกาสทางธุรกิจ” นายสินิตย์กล่าว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ส่งออกไปกลุ่มประเทศคู่ค้า FTA ขยายตัวได้ดี อาทิ ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัว 60% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน อินโดนีเซีย และอินเดีย ข้าวขยายตัว 30% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัว 56% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังขยายตัว 2%

ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 4% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น ชิลี และกัมพูชา ไอศกรีม ขยายตัว 29%ตลาดที่ขยายตัว อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 3% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน และ สปป.ลาว ผักกระป๋องและผักแปรรูป ขยายตัว 20 ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับที่ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และผู้ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป อันดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก

“FTA ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทยในตลาดโลก โดยปัจจุบัน FTA ที่มีผลใช้บังคับแล้ว ประเทศคู่ค้าได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ให้กับไทยแล้ว โดยในปีนี้กรมมีแผนจะเร่งเดินหน้าเจรจา FTA กับคู่ค้าสำคัญ

ได้แก่ สหภาพยุโรป (EU) เอฟตา (EFTA) แคนาดา ตุรกี ศรีลังกา และปากีสถาน รวมทั้งจะเปิดเจรจากับคู่ค้าใหม่ ได้แก่ กลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก และกลุ่มประเทศแอฟริกา เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการส่งออกของไทยในอนาคต” นางอรมนเสริม