สมาคมโรงสีข้าวไทย ออกโรงยื่นหนังสือร้อง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตักเตือน สส. ดูหมิ่นโรงสีกดราคารับซื้อ พร้อมบี้เร่งออกมาตรการดูแลราคาข้าวให้ทันฤดูกาลเก็บเกี่ยว
วันที่ 24 ตุลาคม 2566 นายรังสรรค์ สบายเมือง นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันนี้สมาคมยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อร้องเรียนการใช้ถ้อยคำดูหมิ่นผู้ประกอบการโรงสีข้าว ตามที่ สส. วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ พรรคเพื่อไทย ได้มีการอภิปรายในประเด็นที่มีการพาดพิงถึงผู้ประกอบการโรงสีข้าว
โดยระบุว่า “รวมกลุ่มกันเพื่อตั้งราคาข้าวที่ตนเองพอใจ บังคับให้ชาวนาขายข้าวในราคาถูก การทำแบบนี้เป็นการทำนาบนหลังคน ขูดเลือดขูดเนื้อกันแบบเอาให้ตาย” ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อประมาณ 7 วันก่อน
โรงสีข้าวไทย ในฐานะองค์กรที่มีสมาชิกผู้ประกอบการโรงสีข้าวทั่วประเทศ ขอเรียนข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว เนื่องด้วยข้าวเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาสินค้ามีการปรับขึ้นลงตลอดเวลาเป็นแบบนี้ทั่วทั้งโลก
การขึ้นลงของราคาสินค้าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ และด้วยสถานการณ์ราคาข้าวในปีนี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 15 ปี และราคาปรับขึ้นสูงกว่าปีที่ผ่านมามากกว่า 20% อันเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวมีความผันผวนสูง ด้วยจำนวนผู้ประกอบการโรงสีข้าวที่มีจำนวนมากกว่า 400 รายทั่วประเทศ
ทำให้ปัจจุบันอัตราการแข่งขันในธุรกิจโรงสีข้าวมีการแข่งขันที่สูงมาก และระบบการค้าข้าวที่เป็นการค้าขายแบบเสรีเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ประกอบการโรงสีข้าวจะมีการรวมหัวกันกำหนดราคารับซื้อ การที่ราคาปรับตัวลดลงก็เป็นไปตามกลไกตลาดทั้งสิ้น ทั้งนี้ ราคาข้าวเปลือกที่ปรับตัวลดลงมา ก็ยังเป็นราคาที่สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ทางสมาคมโรงสีข้าวไทยได้มีการนำเสนอมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้กับทางรัฐบาลเพื่อให้มีการกำหนดมาตรการสำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึง อันจะช่วยลดความผันผวนทางด้านราคาข้าวเปลือก แต่ก็ยังมิได้มีการตอบสนองจากทางรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม
การที่ สส. อันเป็นผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎร ใช้วาจาถ้อยคำเป็นการดูหมิ่นผู้ประกอบการ โรงสีข้าวดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น โดยไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในทางการค้าข้าว เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง
สุดท้ายนี้ ขอให้ทางพรรคเพื่อไทยในฐานะต้นสังกัด ได้พิจารณาว่ากล่าวและตักเตือน สส. ท่านดังกล่าว ไม่ให้มีการพูดโดยปราศจากความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งเป็นเหตุให้เข้าใจผิดเกิดความเกลียดชังกันในสังคมต่อไป