ราคาน้ำมันดิบ (4 ธ.ค. 66) ปรับลด หลังตลาดผิดหวังข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่องกว่า 2% หลังตลาดผิดหวังข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส ท่ามกลางภาคการผลิตที่ชะลอตัวลง

วันที่ 4 ธันวาคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องกว่า 2% หลังนักลงทุนกังวลอุปทานจะปรับลดลงน้อยกว่าข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในไตรมาสแรกของปี 2567 เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตเป็นไปตามความสมัครใจ ไม่ได้ประกาศเป็นข้อบังคับ

เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมยังคงชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI) สหรัฐในเดือน พ.ย. 66 อยู่ที่ระดับ 46.7 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 เป็นระยะเวลานานกว่า 13 เดือน ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าภาคการผลิตสหรัฐยังคงหดตัว

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบแของสหรัฐ คาดจะปรับเพิ่มขึ้น หลังบริษัทน้ำมันในสหรัฐปรับเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่องกว่า 3 สัปดาห์ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้น 5 แท่นมาอยู่ที่ 505 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 66

อิสราเอลเปิดฉากโจมตีกลุ่มฮามาสอีกครั้ง หลังมีการหยุดยิงเป็นระยะเวลากว่า 7 วัน เนื่องจากการเจรจาในการปล่อยตัวประกันล้มเหลว โดยอิสราเอลจะใช้กองกำลังทางทหารเข้าจู่โจมทางตอนใต้ของฉนวน กาซา หลังหัวหน้ากลุ่มฮามาสมีการซ่อนตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐออกมาเตือนอิสราเอลถึงผลกระทบต่อประชาชน

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกของเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้น จากอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวลงในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ อุปสงค์ในภูมิภาคคาดจะทรงตัวในระดับสูงในเดือน ธ.ค. 66-ม.ค. 67