‘ธรรมนัส’ รับนายกฯเศรษฐา ถก ครม. สัญจร ชงแผนพัฒนาสนามบิน ปลุก ศก.พะเยา

‘ธรรมนัส’ นำคณะรับนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ลงพื้นที่ตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน และร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 ชงแผนพัฒนาสนามบิน ปลูกเศรษฐกิจพะเยา

วันที่ 18 มีนาคม 2567 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดบ้านต้อนรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่) และร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2567 ณ จ.พะเยา

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือแผนการพัฒนาพื้นที่เป็นสนามบินจังหวัดพะเยา ณ ต.ดอนศรีชุม และ ต.บ้านถ้ำ อ.ดอกคำใต้ โดยจังหวัดพะเยาเป็นจังหวัดสุดท้ายในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือที่ยังไม่มีสนามบิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้มีการศึกษาในเบื้องต้นแล้วว่ามีความเหมาะสมในการสร้างสนามบิน เพราะเป็นจุดศูนย์กลาง ประชาชนในพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดพะเยาและจังหวัดใกล้เคียงสามารถเดินทางได้สะดวก

จากนั้นได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน และพัฒนาพื้นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการด่านชายแดน CIQ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก ต.ภูซาง อ.ภูซาง โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการดำเนินการในส่วนของด่านนำเข้า-ส่งออก ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ซึ่งรับผิดชอบโดยกรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์

นายเศรษฐา ทวีสิน

ซึ่งจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวกนี้มีศักยภาพเป็น Hub ด้านการกระจายสินค้าที่สำคัญของไทยไปสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศในกลุ่มสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยสามารถเชื่อมโยงกับจีนตอนใต้ เมืองเชียงรุ้ง และคุนหมิง ผ่านทางจุดผ่านแดนบ่อเต็น-โมฮัน โดยใช้เส้นทาง R3A และสามารถยกระดับการเชื่อมโยงฝั่งตะวันออกกับเมืองเดียนเบียนฟูและฮานอย ของประเทศเวียดนาม ผ่านจุดผ่านแดนเมืองขัว (ขวา)-เดียนเบียนฟูโดยใช้เส้นทาง R2 และมุ่งสู่เมืองฮานอย

ซึ่งสถิติมูลค่าการค้าชายแดนมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี พ.ศ. 2566 พบว่ามีมูลค่ารวม 904,679,761 บาท แบ่งเป็น มูลค่านำเข้า 108,455,296 บาท มูลค่าส่งออก 796,224,465 บาท สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ หินปูนบด มันสันปะหลัง และลูกเดือย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการพัฒนาช่องทางการส่งออกให้มีประสิทธิภาพเป็นมาตรฐานสากล และส่งเสริมให้มีการกระตุ้นการส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการเกิดโรคระบาดระหว่างประเทศ และป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปสักการะพ่อขุนงำเมือง และรับฟังการนำเสนอแผนพัฒนาโครงการ พร้อมชมนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดพะเยา ณ อุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park) ด้วย

“สำหรับการประชุม ครม. นอกสถานที่ในครั้งนี้ นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ แล้ว ยังมีการพัฒนาในเรื่องการบริหารจัดการน้ำของกว๊านพะเยา ที่เป็นแหล่งทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ โดยอยู่ในแผนพัฒนาโครงสร้างของจังหวัดพะเยา ทั้งการพัฒนาลำน้ำปิงตอนบนและลำน้ำปิงตอนล่าง ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าจังหวัดพะเยาจะเป็นจังหวัดสำคัญที่จะสร้างรายได้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนพะเยา โดยการสร้างพะเยาโมเดลในภาคการเกษตร มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาทั้ง 9 อำเภอ และจะมีการส่งเสริมอาชีพ โดยใช้ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” มั่นใจว่าคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” ร้อยเอกธรรมนัสกล่าว