ราคาน้ำมันดิบ (21 มี.ค. 67) ปรับลด หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50%

oil pump

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่ระดับ 5.25-5.50% ต่อไป

วันที่ 21 มีนาคม 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% จากการประชุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 67

อย่างไรก็ตาม เฟดพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งในปี 2567 โดยจะปรับลดครั้งละ 0.25% รวมเป็น 0.75% หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Lipow Oil Associates ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจของเฟดเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 20 มี.ค. 2567 อยู่ที่ 81.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.79 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 85.95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.43 เหรียญสหรัฐ

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สหรัฐส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 4.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่โรงกลั่นสหรัฐยังคงผลิตเพิ่มขึ้นหลังจากมีการปิดซ่อมบำรุง ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 มี.ค. 67 ปรับลดลง 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 445 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 13,000 บาร์เรล

นักลงทุนมีแรงเทขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากจากความกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ในบริเวณดังกล่าวที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังกองกำลังยูเครนเดินหน้าโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 7 แห่งของรัสเซียในช่วงที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนในเดือน ก.พ. 67 ปรับลดลง 13.1% นอกจากนี้ สต๊อกน้ำมันเบนซินของซาอุดีอาระเบียในเดือน ม.ค. 67 ปรับลดลง 3.7% จากเดือนก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลของสิงคโปร์ในเดือน มี.ค. 67 ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เกาหลีใต้มีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า