จับตาประชุมแก้ราคาสัตว์ตกต่ำ 7 เม.ย.นี้  ส่วนห้องเย็นประกาศรับปลา 3 ชนิด

อาหารแช่แข็ง

สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย  ประกาศรับซื้อปลา 3 ชนิดช่วยชาวประมงแก้ปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ พร้อมจับตาคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ ประชุม 7 เมษายน 2567 นี้  เร่งหาข้อสรุปแก้ไขปัญหา ขณะนี้ราคาสัตว์น้ำดีขึ้นเนื่องเข้าสู่ช่วงโลซีซั่น

วันที่ 2 เมษายน 2567 นายอนุชา เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากกรณีเสนอให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้าสัตว์น้ำ 1 บาทต่อกิโลกรัม ตามกฎหมายการอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ เพื่อดันราคาสัตว์น้ำภายในประเทศดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุป เบื้องต้นคาดว่ามีการประชุมคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ ในวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้ แต่เพื่อให้แก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำภายในประเทศดีขึ้น สมาคมได้หารือกับมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมแก้ไข

ทั้งนี้ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ได้ประชุมหารือกับสมาคมประมง สหกรณ์ประมงแม่กลอง และชมรมผู้ค้าปลาสมุทรสาคร ณ ตลาดทะเลไทย เป็นต้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ การเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้าสัตว์น้ำ เบื้องต้นที่ประชุมไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเสนอเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้าสัตว์น้ำ เพราะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงประเด็น

โดยในที่ประชุมเห็นว่าเพื่อปรับราคารับซื้อสัตว์น้ำปลาซูริมิ ให้ดีขึ้น ได้มีการตกลงราคารับซื้อ เพราะเห็นว่าเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงและรวดเร็วที่สุด ซึ่งประกาศให้มีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 21 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป  ทำให้การประชุมคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ ต้องเลื่อนซึ่งประชุมล่าสุด ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การประชุมอีกครั้งจะมีขึ้นในต้นเดือนเมายน 2567 นี้ เพื่อแก้ไขปัญหา อีกทั้งเพื่อดูทิศทางราคาสัตว์น้ำในประเทศช่วงนี้ด้วยและราคาที่ประกาศมีการรับซื้อตามที่ตกลงหรือไม่

สำหรับราคาที่มีการตกลงรับซื้อ มีปลา 3 ชนิด ได้แก่ ปลาตาหวาน ขนาดใหญ่ 10-20 ตัวต่อกิโลกรัม รับซื้อที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม ขนาดเล็ก 20-30 ตัวต่อกิโลกรัม รับซื้อที่ 15-16 บาทต่อกิโลกรัม ปลาทรายแดง ขนาดใหญ่ 10-20 ตัวต่อกิโลกรัม รับซื้อที่ 25-26 บาทต่อกิโลกรัม ขนาดเล็ก 20-30 ตัวต่อกิโลกรัม รับซื้อที่  23-24 บาทต่อกิโลกรัม ฝอย 30 ตัวต่อกิโลกรัมขึ้นไป รับซื้อที่ 21-22 บาทต่อกิโลกรัม

ปลาไล้กอ เบอร์ 1 (5-15 ตัว)  รับซื้อที่ 24-25 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์ 2 (15-25 ตัว) รับซื้อที่ 21-22 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์ 3 (25-35 ตัว) รับซื้อที่ 18-19 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์ 4 (35 ตัว) รับซื้อที่ 16-17 บาทต่อกิโลกรัม

“ปลา 3 ชนิดนี้ที่ตกลงรับซื้อ เพราะชาวประมงออกเรือแต่ละครั้งมีสัดส่วน 60% ของสัตว์น้ำที่จับได้แต่ละครั้งและอีก 40% เป็นปลาชนิดอื่น ๆ ปลาที่จับได้ ห้องเย็นพร้อมที่จะรับซื้อในราคาที่ประกาศ หรือราคาอ้างอิง อย่างน้อยเป็นการเพิ่มราคาและรายได้ให้กับชาวประมง”

อย่างไรก็ดี การที่มีราคาอ้างอิงก็เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้ประกอบการทำลูกชิ้น ห้องเย็น มีราคาอ้างอิงในการรับซื้อ ถ้าหากมีผู้ประกอบการซื้อไม่ได้ หรือซื้อในราคาต่ำกว่าราคาอ้างอิง ห้องเย็นก็พร้อมที่จะรับซื้อไป โดยเป็นการประกันว่าหากมีการซื้อ-ขายต่ำกว่าราคาอ้างอิง ห้องเย็น สมาชิกของสมาคมก็จะรับซื้อปลาชนิดดังกล่าวไป ซึ่งเป็นราคาดีกว่า 1-2 บาทต่อกิโลกรัม

นายอนุชากล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงโลซีซั่น ในการจับสัตว์น้ำ โดยตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-มิถุนายน 2567 จะเข้าฤดูฝนจะมีการหยุดเดินเรือเพื่อออกหาปลา จะทำให้ราคาปลาในช่วงนี้ขยับราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าราคาสัตว์น้ำภายในประเทศราคาดี ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกของตลาดดีมานด์-ซัพพลาย แต่ทั้งนี้ก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับแนวทางการเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้าสัตว์น้ำ เป็นเรื่องที่ต้องการให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และมีความระมัดระวังในการออกมาตรการ เพราะหากมีการเก็บค่าธรรมจากประเทศที่ไทยนำเข้าสัตว์น้ำ เช่น จีน อินเดีย ปากีสถาน ขณะที่ไทยก็ส่งออกสินค้าไปประเทศดังกล่าวด้วยเช่นกัน เช่น ผลไม้ ทุเรียน ประเทศนำเข้าก็มีสิทธิที่จะตอบโต้กลับมาเช่นกัน

ดังนั้น ต้องพิจารณาให้มีความรอบคอบ การออกมาตรการค่าเก็บธรรมเนียมได้มา 100-200 ล้านบาท เทียบกับสินค้าที่ส่งออกไปมูลค่า 1,000 ล้านบาท อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งมาตรการที่นำออกมาใช้จะมีผลกระทบต่อสินค้าอื่นได้ และไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำด้วย