สภาธุรกิจไทย-เมียนมา ยืนยันด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดีไม่ปิด ขนส่งปกติ

แม่สอด

กริช ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ติดตามเหตุการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด ทั้งเอกชนไทย คู่ค้าในเมียนมา พร้อมเห็นตรงกันการส่งออก-นำเข้าด่านชายแดนยังปกติ อัพเดต (8 เม.ย. 67) เหตุการณ์ปะทะยังคงไม่รุนแรงมาก

วันที่ 8 เมษายน 2567 นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ทางฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมาว่า ได้ติดตามและรับรายงานจากผู้ประกอบการไทยที่แม่สอดแจ้งมาว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ได้มีการปะทะกันระหว่างทหารประจำการของฝั่งรัฐบาลกับทหารฝ่ายต่อต้าน ประกอบด้วยกองทัพปลดแอกแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA ซึ่งรวมถึงกองกำลังร่วมของ PDF บางส่วน ซึ่งปะทะกันอยู่จนกระทั่งถึงช่วงเย็นของเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา

โดยกองทหารกะเหรี่ยง ได้เข้ายึดครองฐานทัพยุทธศาสตร์ทหารฝั่งรัฐบาลที่เขต Ninaung จะเหลือเพียงค่ายทหาร Khlara 275 ที่อยู่ในเขตเมียวดี เยื้อง ๆ กับปั๊มน้ำมัน ปตท. ใกล้สามแยกที่จะมาจากสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เท่านั้น ที่ยังคงเป็นฐานให้แก่ทหารฝ่ายรัฐบาลอยู่ แต่ความชัดเจนยังไม่แน่ใจว่าฝ่ายต่อต้านได้เข้ามาควบคุมเมืองเมียวดีได้จริงหรือไม่

ทั้งนี้ ต่อมาช่วงประมาณ 18 นาฬิกาวันเดียวกัน ได้รับแจ้งจากเพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกัน และอาศัยอยู่ในเขตเมืองเมียวดี ได้รับข่าวสารว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง เพียงแต่ทั้ง 2 ฝั่งยังคงคุมเชิงกันอยู่ ยังไม่มีการสู้รบกันในเขตเมืองแต่อย่างใด

หลังจากที่ได้รับทราบข่าวสาร ได้เริ่มเช็กข่าวจากหนังสือพิมพ์ของเมียนมาหลายฉบับ ซึ่งมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้าน ปรากฏว่าการนำเสนอข่าวเรื่องของการสู้รบกันที่เมียวดี มีให้เห็นเพียง 2 ฉบับเท่านั้น นอกนั้นอีก 5 ฉบับไม่ได้ตีข่าวเรื่องนี้เลย ทำให้มีข้อสงสัยและสับสนว่าทำไมไม่มีข่าวที่เป็นข่าวใหญ่สำหรับประเทศเพื่อนบ้านของไทย กระทั่งเช้าวันนี้ (8 เมษายน 2567) สถานการณ์ทางการข่าวก็ยังเหมือนเดิม

ล่าสุดผมได้สอบถามไปยังเพื่อน ๆ ที่อยู่ที่แม่สอดและเมืองเมียวดีอีกครั้ง ทั้ง 2 ฝั่งต่างยืนยันตรงกันว่า ด่านศุลกากรทางฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ยังคงเปิดให้บริการอยู่ แต่รถขนส่งสินค้าบางตากว่าทุก ๆ วัน การสัญจรไป-มาระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง จะมีเพียงประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเมียวดีที่พอมีฐานะดี หรือมีญาติสนิทอยู่ที่แม่สอดบางส่วน ได้มีการข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ และบางส่วนก็มีการเริ่มเก็บทรัพย์สินสำคัญ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้เท่านั้น

รายงานข่าวจากเมียนมาแจ้งว่า อาจจะมีการเจรจากันอยู่ระหว่างกองกำลังฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายรัฐบาลทหาร จึงยังคงมีการคุมเชิงกันอยู่ และคงต้องรอดูเหตุการณ์ว่าจะมีการบานปลายต่อไปกว่านี้อีกหรือไม่ ?

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป สิ่งที่สามารถสังเกตได้ว่าเหตุการณ์อาจจะไปในทิศทางลบหรือบวก ขอให้ดูว่ามีการอพยพข้าราชการชั้นสูงของฝั่งเมียนมาเพิ่มขึ้นจากเมื่อคืนวานนี้หรือไม่ หากไม่มีการอพยพเพิ่มเติมไปกว่านี้ คงไม่น่าจะมีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้น แต่หากมีการอพยพระลอกใหญ่ นั่นคงจะต้องมีการโจมตีเกิดขึ้นแน่นอน

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกะเหรี่ยงที่เป็นกลาง คงไม่อยากจะสูญเสียผลประโยชน์ และโอกาสทางการค้าชายแดนอย่างแน่นอน ซึ่งเม็ดเงินจำนวนมากที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาให้อยู่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงคาดว่าทุกฝ่ายต้องรักษาสถานภาพในขณะนี้ ไม่ให้ไปกระทบต่อการค้าชายแดน ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การนำเข้าสินค้า เพราะจะมีผลกระทบต่อความต้องการและบริโภคสินค้าภายในประเทศ”