ก.เกษตรจับมืออิสราเอล ใช้เทคโนแปลงใหญ่อีสาน

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผลจากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและชนบทของอิสราเอล รวมถึงได้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ รัฐอิสราเอล นั้น ขณะนี้กรมชลประทานได้จัดทำกรอบแผนงานโครงการเกษตรแปลงใหญ่ผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตรและการใช้น้ำในพื้นที่ชลประทาน

อ่างเก็บน้าห้วยประดู่โครงการชลประทานมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ระยะเวลา 2 ปี (2561-2562) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นพื้นที่นำร่องที่เน้นใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงที่มีความชัดเจนและเห็นผลเร็ว เสนอให้ทางอิสราเอลเพื่อทำงานร่วมกัน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ ก่อนกำหนดวันจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่ของสองประเทศโดยเร็ว

สำหรับกรอบแนวทางที่ไทยขอรับการสนับสนุนและร่วมมือจากอิสราเอล มี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต โดยเฉพาะการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเกษตรในระดับไร่นา การจัดการ ดิน น้ำและพืช การวิเคราะห์คุณสมบัติดินและน้ำในพื้นที่ การแนะนำพืชทางเลือกที่เหมาะสมกับดินและน้ำและมีมูลค่าสูงทางการตลาด การนำน้ำมาใช้ซ้ำและหมุนเวียนน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ การจัดแปลงเพาะปลูก และระบบการให้น้ำ การจัดแปลงเพาะปลูกที่เหมาะสมเพื่อลดการระเหยของน้ำและให้ผลผลิตต่อหน่วยสูง การออกแบบระบบการให้น้ำแบบประหยัดน้ำและประหยัดพลังงานที่เหมาะสมกับชนิดพืช ทางเลือก ดิน และปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่โดยคำนึงถึงผลผลิต ต่อหน่วยและผลผลิตต่อพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเกษตรในระดับธุรกิจ ในด้านเทคโนโลยีหลังเก็บเกี่ยวเพื่อเก็บรักษาคุณภาพผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ 2.ให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการเลือก การพัฒนา การติดตั้ง และประยุกต์ใช้เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์สำหรับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 3.เป็นพี่เลี้ยงการดำเนินโครงการให้กับบุคลากรฝ่ายไทยจนสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการ 2 ปี (2561-2562)

ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานได้พิจารณาคัดเลือกพื้นที่ชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยประดู่ โครงการชลประทานมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคามมานำร่องภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-อิสราเอล ครั้งนี้ เนื่องจากอ่างเก็บน้ำห้วยประดู่ซึ่งมีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 2.8 ล้าน ลบ.ม. มีระบบชลประทานครอบคลุมพื้นที่เกษตร 2,270 ไร่ การเกษตรโดยส่วนใหญ่ปลูกข้าวเป็นหลักในฤดูฝน ขณะที่ในฤดูแล้งปลูกพริก และพืชตระกูลถั่ว/ข้าวโพดหวาน ขณะเดียวกัน สภาพดินในพื้นที่มีปัญหาเรื่องดินเค็ม เนื้อดินมีทรายปนสูง จึงมีการสูญเสียน้ำมาก หากส่งน้ำแบบผิวดินแบบเดิม ประกอบกับน้ำต้นทุนในอ่างมีแนวโน้มลดลง จึงต้องการใช้เทคโนโลยีการส่งและกระจายน้ำเพื่อให้มีการสูญเสียน้อย และลดผลกระทบปัญหาดินเค็ม