เศรษฐกิจในประเทศ

ผักแพงรับเจ เฉลี่ยสูงขึ้น 2-5 บาทต่อกิโลแล้ว อาหารถุง 40-50 บาท

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ซึ่งเริ่มต้นของเทศกาลกินเจปีนี้ จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบภาวะจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้สำหรับเทศกาลกินเจ ณ ตลาดกรมภูธเรศและตลาดเก่าเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กทม. พร้อมกับกำชับให้กรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัด ออกตรวจสถานการณ์ปริมาณและราคาสินค้าเจตามพื้นที่ที่ดูแลไปพร้อมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าแผงผัก ณ วันที่ 8 ตุลาคม ส่วนใหญ่ระบุว่าราคาผักยอดนิยมเพื่อปรุงอาหารเจ ได้มีปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 1-2 วันที่ผ่านมา เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2-3 บาท อาทิ กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง เป็นต้น ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของร้านอาหารที่เริ่มเพิ่มเมนูอาหารเจ และผักบางชนิดลดลงเพราะพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายจากฝนชุกและเน่าเสีย เช่น ผักขึ้นฉ่าย ราคา 2 วันก่อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 8-12 บาท วันที่ 8 ตุลาคมขยับขึ้นเป็น 13-14 บาท แนวโน้มน่าจะขยับราคาได้อีก 2-5 บาทขึ้นอยู่กับชนิดผักและความเสียหายจากฝนชุก ส่วนอาหารเจสำเร็จรูป(ตักใส่ถุง) ราคาเริ่มต้น 35-40 บาท/ถุง เป็นส่วนใหญ่ ส่วนอาหารเจตามสั่ง ส่วนใหญ่เริ่มที่ราคา 40-50 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อได้สอบถามถึงบรรยากาศกินเจ ส่วนใหญ่ระบุยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้นกว่าปกติมากนัก อาจเพราะวันกินเจจริง เริ่มในวันที่ 9 ตุลาคม และ คนรุ่นใหม่และผู้ใช้แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่นิยมสั่งอาหารเจ ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงอายุที่ให้ความสำคัญกับการกินเจ ที่เริ่มกินเจมาแล้ว 2-3 วันที่ผ่านมา และกินต่อเนื่องไปอีก 14 วัน

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการกินเจปีนี้ ระหว่าง 9-17 ตุลาคม พบว่า ประชาชนตัดสินใจเข้าร่วมกินเจ 33.8 % โดยมีช่องทางในการเลือกซื้ออาหารเจผ่านตลาดสด ร้านสะดวกซื้อและร้านค้าทั่วไป ในสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ 56.2% มองว่าค่าใช้จ่ายรวมในการกินเจปีนี้เฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่มี 41.9 % มองว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ถือว่าสูงกว่าปีก่อนๆ ทำให้ปีนี้เงินสะพัดช่วงกินเจอยู่ที่ 45,937 ล้านบาท แม้เป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่อัตราการขยายตัวเพียง 1.9 % ถือว่าอัตราโตต่ำสุดในรอบ 11 ปีนับจากทำการสำรวจ

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์