‘สนธิรัตน์’สั่งพาณิชย์จังหวัดกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เตรียมเปิดตัวโครงการเสริมแกร่งโชห่วย 100,000 ราย

‘สนธิรัตน์’สั่งพาณิชย์จังหวัดกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ทำแผนรายสินค้า ขีดเส้น 3 เดือน บูรณาการทุกหน่วยงานยกระดับราคาสินค้าเกษตร ตามนโยบาย Local to Global เชื่อมโยงไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอาเซียน พร้อมเตรียมเปิดตัวโครงการเสริมแกร่งโชห่วย 100,000 ราย ผนึก ปณท ใช้แอพพลิเคชั่นใหม่-อี โลจิสติกส์

วันที่ 26 ตุลาคม 2561 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์กับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศโดยมอบหมายนโยบายในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรเพื่อช่วยเศรษฐกิจฐานรากและการช่วยเหลือโชห่วย โดยขณะนี้กระทรวงพาณิชย์จะปรับโครงสร้างการทำงานเน้นการเชื่อมโยงบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆทั้งภายในและภายนอกกระทรวงเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย Local to Global ของรัฐบาล โดยวางเป้าหมายว่าภายใน 3 เดือนจะมีการกำหนดรายการสินค้าที่จะร่วมกันขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาในเชิงรุก

เบื้องต้นจะเน้นสินค้าที่จะมีผลผลิตออกมาในช่วงปลายปีและมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาราคาตกต่ำ เช่น มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน อุตสาหกรรมนม ข้าว สับปะรด มันสำปะหลัง ไข่ไก่และกุ้ง และในอนาคตจะขยายไปยังสินค้าเกษตรทุกรายการ ส่วนยางพาราเป็นสินค้าในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กระทรวงพาณิชย์ก็จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการทำการตลาด

“ ต่อไปกรมการค้าภายในและกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะต้องส่งข้อมูลในเรื่องของการผลิตสินค้า เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลตัวเลขว่าสินค้าใดมีแนวโน้มที่จะมีผลผลิตส่วนเกินล้นตลาด (โอเวอร์ซัพพลาย) เพื่อให้กรมการค้าต่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรวมถึงสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทั่วไปทั่วโลกที่มีอยู่ 64 แห่งเร่งรัดผลักดันส่งออกสินค้าเป้าหมาย”

ทั้งนี้ กรณีปัญหาราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรร้องเรียนว่าราคาตกต่ำขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการด้านการตลาดได้มีการหารือเบื้องต้นและได้ประสานไปยังสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสหภาพยุโรปซึ่งแสดงความสนใจว่าจะมีผู้นำเข้าต้องการซื้อปาล์ม ร้านในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มในการยกระดับราคาก่อนที่จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณในการชดเชยการส่งออกให้กับผู้ส่งออก 525 ล้านบาท

สำหรับสินค้าผลิตภัณฑ์นมและอุตสาหกรรมนมซึ่งกำลังจะมีการลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ในอีกสองถึงสามปีข้างหน้ากระทรวงพาณิชย์โดยกรมเจรจาการค้าจะต้องปรับทิศทางการทำงานในการแก้ไขปัญหาโดยจะต้องแปรให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการผลิตและส่งออก โดยใช้ยุทธศาสตร์ Business Pathership เข้ามาช่วย ซึ่งทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะทำหน้าที่ดึงธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มอาเซียนมาจับคู่กับเกษตรกรเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์นมในอาเซียน

“ สินค้าข้าวกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปีกระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดมาตรการที่ได้ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวไปก่อนหน้านี้ซึ่งจะร่วมลงไปขับเคลื่อนกับธกส.ทำให้ราคาข้าวในต้นฤดูปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ในเดือนธันวาคมคาดว่าสับปะรดจะออกสู่ตลาดปริมาณมากอีกครั้งหนึ่งก็จะใช้มาตรการในการเชื่อมโยงตลาดสับปะรด ในส่วนของมันสำปะหลัง จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อผลักการทำตลาดและทำให้เกิดราคาที่เหมาะสม”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เปิดตัวโครงการเชื่อมโยงสมาร์ทฟาร์มเมอร์ 1,000 รายในการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรจาก Local สู่ International Market

พร้อมกันนี้กระทรวงพาณิชย์จะเปิดตัวโครงการช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับธุรกิจร้านค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย) 100,000 ราย โดยจะประสานกับไปรษณีย์ไทย (ปณท) และอีกหลายหน่วยงาน ในการวางระบบให้ประชาชนสามารถสั่งซื้อสินค้าโดยผ่านแอพพลิเคชั่นซึ่งจัดทำโดยไปรษณีย์ไทยและมีบริการขนส่งโดยเชื่อมโยงระบบรจิตติจากผู้ผลิตไปสู่ประชาชนโดยตรงซึ่งเป็นไปตามกลไกโยบายไทยแลนด์ 4.0

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสาเหตุที่โชห่วยไทยอ่อนแอเพราะมีสินค้าจำนวนจำกัดเนื่องจากมีทุนน้อยซื้อสินค้าได้น้อยไม่มีความหลากหลาย ทำให้ราคาต่อหน่วยของสินค้าที่ซื้อสูงมีต้นทุนแพงจึงไม่สามารถแข่งขันได้แต่ต่อไปหากร้านโชห่วยเข้าสู่ระบบนี้ก็จะทำให้มีต้นทุนที่ถูกลงสามารถแข่งขันได้ ทำให้สามารถซื้อสินค้าปริมาณน้อยได้ราคาถูกและมีสินค้าที่หลากหลายสามารถสั่งซื้อได้ทุกวันตามความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่

“เป้าหมายในการดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่การหวังผลทางการเมือง ช่วยเกษตรกรยกระดับราคาสินค้าเกษตร และผลักดันเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะช่วยให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น เป็นไปตามกลไกตลาด ให้เกษตรกรไม่ขาดทุน ส่วนระยะยาวรัฐจะมุ่งเพิ่มการส่งเสริมให้เกิดการแปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเพื่อแก้ปัญหาสินค้าเกษตรเน่าเสียง่าย ทำให้ต้องเร่งขายในช่วงผลผลิตออกทำให้ได้ราคาต่ำ”

อย่างไรก็ตามมาตรการทั้งหมดนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์สามารถใช้งบประมาณประจำปีที่มีอยู่ โดยไม่จำเป็นตต้องเสนอของบประมาณเพิ่ม