ปิดฉากประชุมหอการค้า ‘กลินท์’ ส่ง ‘สมุดปกขาว’ให้บิ๊กตู่ ยันศก.ปี62 โตทะลุ4%

ปิดฉากประชุมหอการค้าครั้งที่ 36 ‘กลินท์’ ส่งการบ้าน ‘สมุดปกขาว’ ถึงมือบิ๊กตู่ มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน-ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี’62 โตทะลุ 4% ฝ่าสงครามการค้า ด้านบิ๊กตู่ ชี้ฐานะการเงินการคลังไทยแข็งแกร่ง 9 เดือน ลงทุนเฉียด 7 แสนล้าน ย้ำเอกชนมั่นใจเดินตามโรดแมปเลือกตั้ง

หอการค้าส่งสมุดปกขาวถึงนายกฯประยุทธ์

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยรวบรวมผลสรุปการประชุมการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 36 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายนถึง 2 ธันวาคม 2561 จัดทำเป็นสมุดปกขาวรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยการดำเนินงาน มุ่งสู่ Trade and Services 4.0 ใน 3 Value Chain คือ ด้านการค้าการลงทุน ด้านการเกษตรและอาหาร และ ด้านท่องเที่ยวและบริการ

“หลักสำคัญที่หอการค้าได้เสนอ นายกรัฐมนตรีว่าจะมีการร่วมกันผลักดันแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยมุ่งเน้นที่จะให้ภาครัฐช่วยเหลือในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเอกชน รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาภาคเอกชนชื่นชมการทำงานของภาครัฐโดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางการค้าสร้างความสะดวกในการทำธุรกิจหรือ Ease of doing Business”

ทั้งนี้ แนวทางในการขับเคลื่อนใน 3 Value Chain มีการจัดทำโครงการในด้านต่างๆ เช่นในภาคเกษตรหอการค้าได้เตรียมจัดทำโครงการส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้ภาคการเกษตร “ 1ไร่ 1 ล้านบาท “ เพื่อต่อยอดจากเดิมที่มีโครงการ 1ไร่ 1 แสนบาท โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรปลูกพืชเศรษฐกิจที่เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น อินทผาลัม โกโก้ กาแฟ เป็นต้น พร้อมทั้งหาตลาดรองรับ ด้านการท่องเที่ยวหอการค้าจะมุ่งส่งเสริมโครงการ 1 หอการค้า 1 แหล่งท่องเที่ยวชุมชน พร้อมทั้ง ‘Thailand Tourrism Digital Platform’ ในอีก 4 เดือนข้างหน้า เพื่อกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งกำลังมีนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามา

นายกลินท์ กล่าวว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 น่าจะขยายตัวได้ดี หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในโครงการช็อปช่วยชาติในสินค้ายางพารา หนังสือ และสินค้า OTOP น่าจะเป็นสินค้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดรายได้กับชุมชนและท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2561 ขยายตัว 4.5% ตามเป้าหมาย

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ยังมองว่าน่าจะมีการขยายตัวได้เกินกว่า 4% ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจนี้เป็นผลสะท้อนจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของทางภาครัฐและเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ส่วนประเด็นเรื่องสงครามการค้านั้นถึงแม้ว่าจะยังคงมีมาตรการระหว่างสหรัฐและจีนยืดเยื้อ แต่ กระทบหรือไม่มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับว่าถ้าเอกชนไทยสามารถปรับตัวได้ ก็จะไม่กระทบ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมารับสมุดปกขาวด้วยตัวเองพร้อมกับกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 36 ว่า ขอให้ทุกภาคส่วน ทางหอการค้า 76 จังหวัด ซึ่งมีสมาชิกนับแสนราย และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน เพื่อให้เกิดการปฏิรูปและการบูรณาการในทุกมิติ ขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้เอกชนปรับตัวให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ก้าวสู่ยุคดิจิตอลและสังคมสูงวัย เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน และเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง

“ ยุทธศาสตร์ทั้ง 6ด้านทั้งหมดนี้ไม่ใช่ทำเพื่อผมแต่เป็นการทำเพื่อประเทศรัฐบาลจะต้องทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายบายเพื่อช่วยให้ผู้เสียภาษีทุกคนได้รับการดูแล โดยสิ่งที่สำคัญคือรัฐจะต้องสร้างโอกาส โดยเฉพาะให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียมกันอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน”

ส่วนประเด็นการดูแลผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ใช่ดูแลเฉพาะคนจนแต่การดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่คนที่มีรายได้ระดับอื่น รัฐบาลได้กำหนดมีสัดส่วนของการดูแลอยู่แล้ว ดังนั้นการสร้างวาทกรรมวันนี้ทำให้ประเทศนี้ติดกับดักในเรื่องนี้ ซึ่งวันนี้มีประชาชน 4 ล้านคนจาก 67 ล้านคนที่มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อปี ทำอย่างไรจะปลดหนี้ แล้วก็จะเข้าไปดูกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเดินหน้ามาตรการพยุงระยะสั้น มาตรการเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องดูแลเพราะวันนี้มีสงครามการค้าประเทศจะทำอย่างไร ซึ่งแนวทางสำคัญคือเราจะต้องทำให้ภูมิภาคเข้มแข็งในปีหน้าไทยจะเป็นประธานอาเซียน จะต้องทำให้เกิดความเข้มแข็งในภูมิภาค

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ลงทุนโครงการขนาดใหญ่โดยใช้ระบบ PPP รัฐบาลไม่ต้องลงทุนทั้งหมด ซึ่งทำให้วันนี้รัฐเป็นหนี้สาธารณะเพียงแค่ 40% จากเพดานที่กำหนดไว้ 60% สะท้อนว่าสถานการณ์ทางด้านการเงินและการคลังของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคง เพราะฉะนั้นเรายังลงทุนได้พอสมควรแต่ยังต้องระวังเกี่ยวกับกฎหมาย 2 ฉบับที่เพิ่งออกคือ พ.ร.บ. การเงินการคลังปี 2560 และ พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณของปีนี้

“ ที่มีการกล่าวว่าไทยขาดดุลการค้า 2,000,000 ล้านบาทพูดเรื่อยเปื่อยเพราะในหลายหลายประเทศเรามีทั้งขาดดุลและได้ดุล แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องดูเรื่องการวิจัยและพัฒนาตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ว่าไทยจะมีใจอะไร การให้ทุนส่งนักศึกษาไปเรียนต่างประเทศก็จะต้องเป็นการให้ทุนโดยวางแผนการให้ทุนเพื่อให้คนมารองรับในอุตสาหกรรมเหล่านี้”

พร้อมกันนี้ภาครัฐจะต้องส่งเสริมให้เอกชนเข้าถึงดิจิทัลให้มากที่สุดทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการค้าออนไลน์ผ่านอาลีบาบาหรือในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็มีดำเนินการอยู่ (Thaitrade.com)

ขณะที่การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะมีการลงทุนโครงการรถไฟไฮสปีดแล้วก็จะต้องเข้าไปดูแลให้คนที่มีรายได้น้อยได้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากโครงการเหล่านี้ได้ด้วย และการดูแลอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S Curve) มีอุตสาหกรรมเดิม 5 อุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมใหม่ 6 อุตสาหกรรมจะต้องเตรียมการอย่างไรเพื่อให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมใหม่และดูแลอุตสาหกรรมเก่า

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีภาคอุตสาหกรรมที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว 3.8 แสนล้านบาท ใหญ่อยู่ในกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มชีวภาพกลุ่มยานยนต์ และมีการลงทุนใน EEC แล้ว 300 โครงการ รวมมูลค่า 3 แสนล้านบาท หากรวมทั้ง 2 ส่วนจะมีมูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 6-7 แสนล้านบาท

ส่วนมาตรการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอีซึ่งมีจำนวนกว่า 3,000,000 ราย โดยในจำนวนนี้ 7% เป็นเอสเอ็มอีที่สามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้ ล่าสุดผมสั่งการให้กำหนดมาตรการให้เหมาะสมกับเอสเอ็มอี 4 กลุ่ม กลุ่มที่เติบโตแล้ว กลุ่มที่มีศักยภาพแต่ไม่มีทุน กลุ่มที่กำลังจะโลม และกลุ่มที่ล้มไปแล้ว

“ เราเริ่มมา 4 ปีทำได้แค่นี้แล้วถ้าไม่ทำเลยประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไปควรจะต้องมีการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้การสร้างความสะดวกในการประกอบธุรกิจการจดทะเบียนผ่านการค้าออนไลน์และการผลิตสินค้า”

ทั้งนี้ การสร้างความมั่นใจถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในด้านการเมืองรัฐบาลจะเดินหน้าเลือกตั้งตามโรดแมปส่วนพรรคการเมืองที่จะเข้ามาในวันข้างหน้ามีหน้าที่ที่จะต้องปลดล็อคปัญหาและอุปสรรคต่างๆให้กับประเทศ ซึ่งเราจะต้องตั้งคำถามว่าเค้าจะทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้อย่างไร How to do ไม่ใช่เพียงแค่ใช้เงินแต่ประเทศไม่ได้เกิดความเข้มแข็งขึ้น

“ นักการเมืองที่จะเข้ามาวันนี้ต้องมองไปข้างหน้าอย่ามุ่งแต่ไปติติงคนนั้นคนนี้”

อนึ่ง ยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย การสร้างความมั่นคง การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำการพัฒนาที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การพัฒนาแรงงานและการปฏิรูประบบราชการ