กรมส่งเสริมสหกรณ์ แจงโครงการไทยนิยมยั่งยืน คืบหน้า 98% หนุนสหกรณ์ 67 จว. เพิ่มมูลค่าสินค้า

นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการจัดสรรงบประมาณกลางปีจากรัฐบาล วงเงิน 1,773.42 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร 302 สหกรณ์ในพื้นที่ 67 จังหวัด ดำเนินการจัดสร้างอุปกรณ์การตลาดและแปรรูปผลผลิตการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ประกอบด้วย 4 โครงการหลัก ได้แก่

1.โครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร จำนวน 146 สหกรณ์ ใน 40 จังหวัด วงเงิน 1,074 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างฉางหรืออาคารเก็บผลิตผลทางการเกษตร ลานตาก โกดัง สำหรับรวบรวมและชะลอผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ขณะนี้ดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อก่อสร้างไปแล้วกว่า 98.92% โดยมีสิ่งก่อสร้างดำเนินการแล้วเสร็จ 158 รายการ และสหกรณ์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกแล้ว 230,957 ตัน โดยมีสมาชิกและเกษตรกรได้รับประโยชน์แล้ว 75,385 ราย

2.โครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้แก่สหกรณ์ 99 แห่งใน 42 จังหวัด มีสหกรณ์ดำเนินการเสร็จสิ้นและใช้ประโยชน์แล้ว 50 สหกรณ์ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตรจากการแปรรูป 59 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มศักยภาพการรวบรวมและการแปรรูปยางพาราในสถาบันเกษตรกร ก่อสร้างปัจจัยพื้นฐาน ในการจัดเก็บรวบรวมและแปรรูปยางพารา และพัฒนากระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้ายางพารา จำนวน 58 สหกรณ์ ใน 23 จังหวัด ขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จและใช้ประโยชน์แล้ว 26 สหกรณ์ โดยสามารถรวบรวมยางได้ 35,914 ตัน และแปรรูปยางได้แล้ว คิดเป็นมูลค่า 5 ล้านบาท

และ4.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร (คทช.) วงเงิน 22.2789 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่น้อยกว่า 10,320 ราย เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจการควบรวมและการแปรรูปผลผลิตให้กับสหกรณ์พื้นที่เป้าหมาย 6 จังหวัด ขณะนี้มีการจัดอบรมให้ความรู้เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐแล้ว 10,778 ราย ใน 36 จังหวัด และมีการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้าง การปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ให้สหกรณ์ และสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างโรงเรือนผลิตอาหาร ซึ่งดำเนินการสร้างแล้ว 8 สหกรณ์ วงเงิน 12 ล้านบาท

“ทุกสหกรณ์ที่ได้รับงบประมาณจากโครงการไทยนิยมยั่งยืนเพื่อสร้างอุปกรณ์การตลาดและการแปรรูปผลผลิตการเกษตร มีแผนใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดในการรวบรวมและเก็บชะลอผลผลิตการเกษตรจากสมาชิก ซึ่งกรมฯได้กำชับให้ทุกจังหวัดเร่งจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ในการใช้อุปกรณ์การตลาดและแปรรูปผลผลิตให้กับเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ให้เชี่ยวชาญ คาดว่าในฤดูกาลผลิตปี 2562 สหกรณ์ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอุปกรณ์การตลาดจะสามารถเพิ่มปริมาณการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรได้ไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน ซึ่งจะช่วยเก็บชะลอและเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร และส่งผลต่อการสร้างเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตรได้ในที่สุด”

 

ที่มา มติชนออนไลน์