ที่สุดของสิทธิประโยชน์! “บีโอไอ” ชง “แพ็กเกจรีโลเคชั่น-ทีมเฉพาะกิจ” ดึงนักลงทุนย้ายฐานมาไทย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังการมอบนโยบายให้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่าไทยควรใช้โอกาสนี้ในการดึงนักลงทุนที่มีแนวโน้มจะย้ายฐานการผลิตให้มาลงทุนที่ไทย ทั้งจีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ บีโอไอจึงต้องทำงานเชิงรุก เปิดโอกาสดึงอุตสาหกรรมที่มีผลประโยชน์กับประเทศ แต่ต้องไม่กระทบสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สนใจมาไทย เช่น บริการ โดยไม่ใช่แค่ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เท่านั้น

และในวันที่ 2 ก.ย.2562 ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เตรียมเดินทางมาเยือนประเทศไทย และนั้นจะเป็นจังหวะที่ไทยจะใช้โอกาสในการเจรจาโดยตรง สำหรับความต้องการที่เหมาะสมและพิเศษกับนักลงทุนเกาหลีโดยเฉพาะ ทั้งแพ็กเกจการลงทุน การอำนวยความสะดวก

ล่าสุดทาง บริษัท หัวเว่ย ได้เข้าพบตนเพื่อหารือถึงภาพรวมการลงทุน 3 ด้าน คือ 5G, Eco System, บุคลากรในไทย นับว่าเป็นโอกาสดีซึ่งทางพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) น่าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมและพร้อมรองรับ และในเดือน พ.ย. ประธานใหญ่หัวเว่ยเตรียมเดินทางมาไทย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า จากปัญหาเรื่องของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเตรียมย้ายฐานการลงทุนมุ่งเป้ามายังไทย ดังนั้นหน่วยงานสำคัญอย่างบีโอไอจะต้องออกแพ็กเกจ มารองรับกับกลุ่มนักลงทุนที่มีแนวโน้มจะย้ายฐานการลงทุน โดย “แพ็กเกจรีโลเคชั่น” นี้จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ในวันที่ 30 ส.ค.นี้

จากนั้นจะเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณา และจะใช้ พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560 (กองทุนฯ 10,000 ล้านบาท) ให้เข้ามาเป็นด้วยหนึ่งในการใช้ดึงนักลงทุน

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอจะทำ 3 เรื่อง 1.ออกแพ็กเกจรีโลเคชั่น ที่ไม่ใช่เพียงสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี 2.ตั้งทีมเฉพาะกิจดึงนักลงทุน ที่มีแนวโน้มจะย้ายฐานการลงทุนมาไทย และที่จะไปลงทุนในประเทศอื่น และ 3.จัดกิจกรรมการตลาดด้วยการโรดโชว์ยังประเทศเป้าหมาย คือ จีน ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป เป็นต้น และจับมือกับสถาบันการเงินเพื่อบูรณาการร่วมกัน ในการสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน

และมั่นใจว่ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนที่ตั้งไว้ 750,000 ล้านบาทในปี 2562 นี้จะพยายามทำให้ได้ ซึ่งจะเป็นผลทั้งที่มาจากมาตรการเดิม และมาตรการใหม่เช่นกัน