“ปรเมธี” ฝาก 3 ข้อเสนอรัฐหัวหอกลุยลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ปลุกจีดีพีปีหน้าฟื้น

สัมมนาเชียงใหม่ 2020 #เปลี่ยนก่อนถูกเปลี่ยน “ปรเมธี” ฝาก 3 ข้อเสนอรัฐหัวหอกลุยลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ปลุกจีดีพีปีหน้าฟื้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการสัมมนา “เชียงใหม่ 2020” #เปลี่ยน ก่อนถูกเปลี่ยน ซึ่งหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวบรรยายในหัวข้อ “รับมือเศรษฐกิจและสังคมยุคใหม่” ว่าอยากฝากข้อเสนอถึงรัฐบาล 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ภาครัฐมีความจำเป็นต้องเป็นผู้นำการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสและสร้างสมดุลให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน 2.จะต้องเดินหน้าผลักดันเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น พร้อมกับมีการรองรับการปรับตัวของตลาดแรงงาน 3.ทุกคนต้องรับผิดชอบกับสังคมร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนช่วยให้ทุกภาคธุรกิจปรับตัวเดินไปด้วยกันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

 

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.5-2.6% ต่ำกว่าปี 2561 ที่ขยายตัว 4% เป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ทำให้ผลผลิตในซัพพลายเชนเดือดร้อน ส่วนปี 2563 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว แต่คงดีขึ้นกว่าปีนี้เล็กน้อย จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมากระตุ้น แม้สงครามการค้าสหรัฐ-จีนยังมีความเสี่ยงแต่จะลดความรุนแรงไม่เท่าปีนี้ นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เลื่อนการใช้ภาษีสินค้าจีนไปก่อน และจะมีการเลือกตั้งอเมริกา ส่วนข้อตกลงเรื่องการถอนสหราชอาณาจักรออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) คงจะเดินหน้าต่อมีเวลา 1 ปี ถ้าเงื่อนไขไม่สำเร็จคงจะออกจากอียูโดยไม่มีเงื่อนไข (Brexit with no deal)

“สงครามการค้าสหรัฐ-จีน มีผลบวกบางจุดกับไทย เพราะจีนหันมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งไปสหรัฐ และหันมาใช้สินค้าไทยบางส่วนทดแทน ส่วนเบร็กซิตอังกฤษออกจากอียู ไทยไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่กลับไทยได้ประโยชน์ เพราะประเทศคู่แข่งที่เคยได้รับสิทธิประโยชน์ในการส่งออกจะไม่ได้รับสิทธิเหล่านั้นอีกต่อไป”

ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาตั้งแต่ปี 2560 เหตุจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วงที่ผ่านส่งผลกระทบต่อการส่งออกลำบาก ซึ่ง ธปท.ได้เข้าไปดูแล แต่ปีหน้า ค่าเงินยังแข็งค่าแต่ไม่แรงเท่าปีนี้ เนื่องจาก ธปท.ได้พยายามผ่อนปรนกฎระเบียบ การนำเข้าเงินดอลลาร์มาแลกเงินบาท แต่ไม่สามารถทำให้อ่อนได้มาก