ราคายาง Q4 พุ่ง หลังน้ำท่วม-โรคใบร่วง-ขาดแรงงานกรีดยาง ฉุดผลผลิตยางวูบ 1 แสนตัน “ตลาดโลกแย่งซื้อ” กยท.ชี้สัญญาณบวกถึงปี’65 ดึงบิ๊กผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่โลก มิชลิน-คอนติเนนตัล นำร่องซื้อขายเครดิตคาร์บอน ยกระดับผลิตยางธรรมชาติเพื่อสิ่งแวดล้อม มั่นใจราคาดี จ่ายประกันรายได้ชาวสวนยางเฟส 3 แค่ 7,000 ล้านบาท
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมทิศทางราคายางปลายปี 2564 ถึงปี 2565 ปรับตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันราคายางแผ่นดิบรมควันเฉลี่ยอยู่ที่ 53 บาทต่อ กก. น้ำยางสด 47 บาทต่อ กก. และยางก้อนถ้วย 45.02 บาทต่อ กก. (ตาราง)
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
จากภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า จีน อเมริกา เริ่มฟื้นตัว ความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลผลิตยางออกสู่ตลาดน้อย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน 2564 ด้วยสภาพอากาศแปรปรวน เกิดสภาวะลานิญ่า จึงทำให้ฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติและเป็นปีที่มีฝนมาก เกิดพายุฝนเขตร้อนซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เเละเดือนธันวาคม ปริมาณฝนมากกว่าค่าปกติ 10% จึงคาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตยางที่ออกมาจริงจะลดลง 1 แสนตัน น้อยกว่าที่คาดไว้ 4.6 ล้านตัน
อย่างไรก็ตามไทยต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาโรคใบร่วงทำให้ผลผลิตเสียหาย การขาดแคลนแรงงานกรีดยาง ซึ่งขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างเตรียมให้มีการนำเข้าแรงงานต่างด้าว MOU ปัจจัยนี้มีผลต่อการส่งมอบสินค้า อาจมีการเลื่อนส่งมอบ
อีกทั้งยังพบปัญหาตู้คอนเทนเนอร์และระวางเรือเต็ม ทําให้ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่ผันผวน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคายางถึงต้นปีหน้า
สำหรับความคืบหน้าการพิจารณาดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 คาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณรัฐมนตรีได้เร็ว ๆ นี้ ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ได้มีมติให้กำหนดราคาประกัน สำหรับยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม (กก.) น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาท/กก. ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาท/กก.
โดยยังคงกำหนดหลักเกณฑ์แบ่งสัดส่วนรายได้ให้เจ้าของสวน 60% และคนกรีด 40% ของรายได้ทั้งหมด และจำกัดให้รายละไม่เกิน 25 ไร่ สำหรับชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท.ไว้ 1,880,458 ราย คาดว่าจะใช้วงเงินรวมไม่เกิน 7,000 ล้าน น้อยกว่าที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ กยท.ยังส่งเสริมการทำตลาดสินค้ายาง โดยจัดทำโครงการ RUBBERWAY ร่วมกับผู้ซื้อและผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่ของโลก คือมิชลิน และคอนติเนนตัล เพื่อนำร่องซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยให้พื้นที่ จ.สงขลาเป็นจังหวัดแรก ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมร่วมกันในการประเมินความเสี่ยงทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของห่วงโซ่อุปทานของยางพารา เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของประเทศไทย
“ปีนี้ราคายางค่อนข้างดี เกษตรกรชาวสวนยางพอใจ มั่นใจว่าปีหน้าราคาจะปรับตัวดีขึ้น และอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินอุดหนุนแล้ว ซึ่งประกันรายได้ยางเฟส 3 ตั้งเป้าใช้งบให้น้อยที่สุดประมาณ 7,000 ล้านบาท เท่าระยะที่ 2 ส่วนปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะมีผลกระทบราคาแม้ว่าตอนนี้เข้าสู่โลว์ซีซั่นแต่กังวลสุดคงปัญหาแรงงานขาดแคลน อากาศแปรปรวน จะมีผลมากกว่าความผันผวนราคาน้ำมันน่าจะกระทบแค่สินค้า by product มากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีแรงบวกจากผลผลิตที่น้อย คาดการณ์ปีหน้าอาจ over demand จะยิ่งช่วยผลักดันราคา ผมมองว่าราคายังดี และไม่น่าลดลงไปกว่านี้”
ด้านนางสาวอธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยาง กยท. ระบุว่า ความต้องการใช้ยางพาราในปีนี้มีมากกว่าการผลิต 3.29 แสนตัน โดยในเดือนกันยายน 2564 ส่งออก 3.38 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.43% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้ยาง จีน อเมริกา เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะยาว และการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นแรงบวกด้านราคา
นายกฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กล่าวว่า น่ากังวลว่าช่วงที่ผ่านมาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราส่งผลต่อปริมาณการผลิตของไทยอย่างมาก ต่อผลผลิต 20-50% จึงมีมาตรการเร่งด่วน ร่วมกับ GISTDA ศึกษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและจัดทำระบบเตือนภัยผ่านเครือข่ายออนไลน์ พ่นยาป้องกันกำจัดโรค โดยใช้อากาศยานไร้คนขับชนิดปีกหมุน (โดรน) และแอร์บล๊าส
พร้อมพัฒนาพันธุ์ยางต้านทาน เช่น BPM1 PB235 RRIT3904 โดยใช้งบฯกองทุนพัฒนายางพารา มาตรา 49 (3) ปรับเปลี่ยนพื้นที่เงินทุนไร่ละ 10,000 บาท