จุรินทร์ คาดการณ์ส่งออก 2565 ขยายตัว 3-4%

ส่งออก

จุรินทร์ เผยหลังหารือ กรอ.พาณิชย์ ส่งท้ายปี 2564 คาดการณ์ส่งออกปี’65 ขยายตัว 3–4% ยังติดตามปัจจัยเสี่ยงต่อเนื่อง ขณะที่ การส่งออกปีนี้โต 16%

วันที่ 27 ธันวาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 3/2564 ว่า การประชุมครั้งนี้มีการหารือในประเด็นสำคัญพร้อมสรุปเป้าหมายการส่งออกปี 2565 ด้วย โดยคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวอยู่ที่ 3-4% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 280,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยมีปัจจัยสนับสนุนการส่งออกให้ขยายตัว ได้แก่ 1. การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งมี OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวบวก 4.5% 2. การนำเข้าของประเทศคู่ค้า ในปีหน้าคาดว่ายังขยายตัวดี ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น หรือสภาพยุโรป ซึ่งก็จะช่วยเสริมในการส่งออก นำเข้ามาก โอกาสเราส่งออกไปก็จะมากขึ้นด้วย 3. ปัจจัยค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าปีหน้าก็ยังจะเอื้อต่อการส่งออก อยู่ที่ประมาณ 32-33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

4. การผลิตตู้คอนเทนเนอร์ป้อนตลาดโลกที่มากขึ้น 5. การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล (e-Digital) จะช่วยเรื่องการส่งออกสินค้าด้าน IT ของไทย 6. แผนจัดการแก้ปัญหาโควิดที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาพรวมของโลก 7. ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) 15 ประเทศที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ปัญหาระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แรงงานขาดแคลน

ส่วนของการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนของไทยในปี 2565 คาดว่าจะเป็นบวกอยู่ 5-7% หรือ 1.07-1.08 ล้านล้านบาท โดยมีมูลค่าการค้า ทั้งนำเข้าส่งออกทางชายแดนข้ามแดนประมาณ 1.78-1.82 ล้านล้านบาท สำหรับปี 2564 นั้น จะเป็นบวก 32% โดยสร้างรายได้จากการส่งออก ประมาณ 1 ล้านล้านบาท

สำหรับการส่งออกปี 2564 คาดการณ์ขยายตัว 16% และสามารถส่งออกนำเงินเข้าประเทศได้ 8,585,600 ล้านบาท สินค้าหมวดสำคัญๆ ที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับสูง ประกอบด้วย สินค้าการเกษตร สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรม

สำหรับหมวดส่งออกสินค้าสำคัญ 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ผลไม้ น้ำตาล อาหารเลี้ยงสัตว์ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับทำงานที่บ้าน (Work From Home) เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. สินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์ 4. วัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตสินค้า เช่น เหล็ก เม็ดพลาสติกเคมีภัณฑ์ ยางรถยนต์ที่จะนำไปใช้ในการผลิตรถยนต์

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ นอกจากมหกรรมพาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน New Year Grand Sale ที่ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 แล้วก็จะไปสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2565 แล้วนั้น ยังมีของขวัญปีใหม่สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่มาใช้บริการกับกระทรวงพาณิชย์

คือจะมีการเพิ่มจำนวนบริการ One Stop Service ออนไลน์ ที่เป็นระบบออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวบนหน้าจอได้เลย ภายใต้เว็บไซต์ www.moc.go.th ซึ่งปีที่แล้วได้เริ่มต้นนำร่องไป 85 บริการ และนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป จะเพิ่มอีก 33 บริการ รวมแล้วบนหน้าจอออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวบนหน้าจอได้เลย เป็น 118 บริการ

ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ 1. บริการด้านจดทะเบียนธุรกิจ 27 บริการ เช่น การจองชื่อนิติบุคคล การให้บริการด้านการคลัง บริการค้นหาข้อมูลธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นต้น 2. บริการด้านทรัพย์สินทางปัญญา 17 บริการ บริการสืบค้นข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก เครื่องหมายการค้า บริการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า 3. การค้าระหว่างประเทศ เช่น

การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า บริการข้อมูลด้านการค้าเชิงลึกจากทูตพาณิชย์ทั่วโลก บริการข้อมูล FTA บริการสถิติการค้าระหว่างประเทศ รายชื่อผู้ส่งออกนำเข้า 4. บริการด้านการค้าภายในประเทศ มี 27 บริการ เช่น การสมัครร้านอาหารธงฟ้า บริการข้อมูลราคาสินค้าเกษตรในกรุงเทพฯ บริการข้อมูลตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ บริการงานช่างตวงวัด บริการดัชนีราคาผู้บริโภคและระบบร้องเรียนออนไลน์ 5. บริการสารสนเทศและกิจกรรมบริการ เช่น ระบบบริหารกิจกรรมกลาง และห้องสมุดดิจิทัล