ฟ้อง AD อะลูมิเนียมจีนถล่มไทย ทุบ 14 โรงงานเดี้ยง ฉุดจีดีพีประเทศ 3 หมื่นล้าน

อลูมิเนียม

อะลูมิเนียมจีนถล่มไทยทุบอุตสาหกรรม 3 หมื่นล้านเดี้ยง 14 โรงงานทนไม่ไหวรวมตัวร้องพาณิชย์เปิดไต่สวนเก็บภาษีเอดีสินค้านำเข้า หวั่นรอช้าอีก 2-3 ปี ตลาดหาย 50% กระทบการจ้างแรงงาน 1 หมื่นคน อุตฯต่อเนื่องยานยนต์-เครื่องใช้ไฟฟ้า-ก่อสร้างต้นทุนพุ่ง

นายสุพัฒน์ รัตนศิริวิไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเม็ททอล อลูมิเนียม จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่ากลุ่มโรงงานผู้ผลิตอะลูมิเนียมขึ้นรูปได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ให้เปิดไต่สวน เพื่อพิจารณาใช้ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าเหล็กอะลูมิเนียมขึ้นรูปที่นำเข้าจากจีน

หลังพบว่าราคาอะลูมิเนียมจีนถูกกว่าไทย 30% และอัตราภาษีนำเข้าก็เป็น 0% ส่งผลให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยอดนำเข้าจากจีนโตขึ้น 100% จนปัจจุบันจีนมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 10% เป็น 30% ดังนั้นหากไม่มีการดำเนินการอะไรคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจีนจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มถึง 50%

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จีนสามารถแข่งขันด้วยราคาที่ต่ำมาก เพราะภายในมีนโยบายประเทศจีนมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรม สามารถขอรัฐสนับสนุนการตั้งโรงงานได้ ซึ่งปัจจุบันจีนถือเป็นผู้ผลิตเหล็กอะลูมิเนียมที่ครองอันดับ 1 ของโลก ประมาณ 60% ของกำลังการผลิตโลก 70-80 ล้านตัน หรือคิดเป็นตัวเลขประมาณ 40 ล้านตันต่อปี

ที่ผ่านมาจึงไม่แปลกที่หลาย ๆ ประเทศได้ประกาศเอดีกับจีนไปแล้ว ไม่ว่าเป็น ออสเตรเลีย อเมริกา สหภาพยุโรป เลบานอน อิรัก และเวียดนาม มากันประมาณ 3-5 ปีแล้ว เพราะสู้ไม่ได้

สำหรับตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากจีน ในปี 2560 มีการนำเข้า 18,622 ตัน มูลค่า 1,816 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 54.29% จากการนำเข้าทั้งหมด และเพิ่มต่อเนื่อง โดยในปี 2561 เพิ่มเป็น 23,419 ตัน มูลค่า 2,105 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58.26% ในปี 2562 ปริมาณ 33,413 ตัน มูลค่า 2,668 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 70.11% และปี 2563 ปริมาณ 36,850 ตัน มูลค่า 2,994 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 
73.89%

“ตอนนี้ในกลุ่มมี 14 โรงงาน เรามีกำลังการผลิต 70% ของไทยที่มีทั้งหมด 40 กว่าโรงงาน เราเป็นอุตสาหกรรมกลางน้ำทำมา 50 ปีแล้ว ที่ป้อนวัตถุดิบให้กับกลุ่มก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ รถอีวี ชิ้นส่วนอากาศยาน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ช่วยจีดีพีประเทศปีละ 30,000 ล้านบาท”

นายสุพัฒน์กล่าวว่า เบื้องต้น 6 โรงงานฟ้อง และให้ข้อมูลไปแล้ว ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศก็ไม่ได้ละเลยเรื่องนี้ อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการเอดี เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติและมีการจ้างงานมากกว่า 10,000 คน

“การผลิตในประเทศปัจจุบันถือว่ามีเพียงพออยู่แล้ว ผลิตได้ 2-3 แสนตัน ใช้ 1 แสนตัน ที่เหลือส่งออก 10-20% โดยตลาดใหญ่สุดเป็นอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และ CLMV แต่เมื่อมีการนำเข้าจากจีนมาทำให้อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมต้องลดกำลังการผลิต เพราะสู้ไม่ได้ รัฐไม่ต้องห่วงว่าการพิจารณาเอดีจะช่วยผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายถือครองตลาด เพราะอุตสาหกรรมเราไม่ได้มีรายใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาด แต่มีผู้ผลิตจำนวนมาก”

นอกจากเรื่องเอดีแล้ว ทางกลุ่มมองถึงแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมว่าจะทำอย่างไร จำเป็นต้องให้รัฐช่วยสนับสนุนหรือไม่ เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากจีน แต่ต้นทุนการผลิตจากวัตถุดิบเหล็กนำเข้าที่ต้องนำเข้า 100% ก็ปรับราคาขึ้นตามราคาน้ำมัน จากเดิมช่วงโควิด 1,400 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มเป็น 3,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน

นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีกำหนด 30 วันภายหลังจากวันที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาเปิดไต่สวนเอดีเมื่อวันท่ี 3 ธันวาคมที่ผ่านมา จากนั้นจะต้องดูว่าครบถ้วนหรือไม่ ต้องขอข้อมูลเพิ่มหรือไม่ แล้วจึงจะสรุปเสนอต่อ ทตอ.ได้

ทั้งนี้ ประกาศเปิดไต่สวนเอดีนั้น นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ลงนามประกาศเปิดไต่สวนเอดีเหล็กอะลูมิเนียมอัดขึ้นรูป 8 พิกัด ที่นำเข้าจากจีน ก่อนที่จะย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์

ซึ่งเป็นไปตามคำร้องของผู้ผลิตไทย 6 ราย คือ บจ.โกลด์สตาร์เมททอล, บจ.ซิมเมอร์ เมตัล สแตนดาร์ด, บจ.ไทยเม็ททอล อลูมิเนียม, บจ.เมืองทองอุตสาหกรรม อลูมีเนียม, บจ.ยูไนเต็ด อลูมิเนียม อินดัสตรี้, บจ.อลูเม็ท และ บจ.แอลเมทไทย โดยพบว่าสินค้าจีนมีการทุ่มตลาดในอัตรา 34.71% ของราคา ซีไอเอฟ