กองทุนน้ำมันวิกฤตติดลบ 1.4 หมื่นล้าน ลุ้น 3 แบงก์ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

Photo by AFP

ผวาราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งเกิน 90 เหรียญสหรัฐสะเทือนโลก “พาณิชย์” จ่อปรับประมาณการเงินเฟ้อปี’65 ภาคขนส่งกระทบหนักสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ชี้อ่วมทั้งทางบก-ทางทะเล-ทางอากาศ ด้านกองทุนน้ำมันฯต่อเวลาเจรจา 3 แบงก์ปล่อยกู้ หวั่นสภาพคล่องเงินเหลือ 2 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่เป็นราคาอ้างอิงของตลาดน้ำมันโลก พุ่งกลับขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) แกว่งตัวอยู่ใกล้ ๆ 88.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 7 ปีเช่นกัน

สาเหตุของน้ำมันแพงในรอบนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาความขัดแย้ง “รัสเซีย-ยูเครน” ซึ่งจวนเจียนจะปะทุเป็นสงครามย่อย ๆ และกรณีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดน หวังโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของกองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบีย ยิ่งซ้ำเติมปัญหาราคาน้ำมันดิบโลก

พาณิชย์จ่อปรับเงินเฟ้อ

นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัญหาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ สนค.เตรียมประมาณการเงินเฟ้อใหม่ จากเดิมที่คาดไว้ว่าเงินเฟ้อปี 2565 จะขยายตัวในช่วง 0.7-2.4% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.5%

ภายใต้สมมติฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) 3.5-4.5%, อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31.5-33.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบดูไบ 63-73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งล่าสุดระดับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นไปเหนือสมมุติฐาน ขณะที่ปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงระดับเดิม

“ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ เพราะนอกจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จากฐานเงินเฟ้อของปีที่แล้วต่ำด้วย อาจจะทำให้มองว่าเงินเฟ้อขยับขึ้น แต่ตามความเห็นน่าจะปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งทั้งปี 2565 เงินเฟ้อไม่น่าจะปรับตัวขึ้นถึง 2% แน่นอน โดย สนค.จะแถลงเงินเฟ้อในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 น่าจะสามารถประเมินผลกระทบเบื้องต้นได้”

นายวิชานันกล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นส่งผลกระทบทันทีต่อภาคการขนส่งที่ใช้น้ำมัน ส่วนจะกระทบมากน้อยเพียงใดยังต้องรอวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน รวมถึงต้องพิจารณามาตรการภาครัฐว่าจะมีอะไรเข้ามาช่วยเหลือบ้าง เนื่องจากมีเรื่องของงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง หากจะใช้มาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ การตรึงราคาน้ำมัน แต่สิ่งที่ประเมินและช่วยได้คงเป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายในช่วงนี้

ลุ้นน้ำมันไม่ถึง 100 เหรียญ

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อกลุ่มขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ส่วนจะปรับขึ้นค่าขนส่งเท่าไรต้องติดตามอีกครั้ง อาจจะต้องรอการเจรจาค่าขนส่งในไตรมาส 2 เพราะการส่งมอบสินค้าในช่วงไตรมาส 1 มีการเจรจาไว้แล้ว ซึ่งสัญญาณของค่าขนส่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ภาคการขนส่งยังไม่ได้กลับมาเต็มรูปแบบ 100% ยังมีข้อจำกัดของการเดินทาง การขนส่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายในการผลักดันยอดส่งออกปี 2565 ให้ถึงเป้าหมาย 5-8%

อย่างไรก็ตาม สรท.ยังมั่นใจว่าจากปัญหาระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ อาทิ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐ อิหร่าน อิรัก หรือแม้แต่รัสเซีย จะยังผลิตน้ำมันดิบออกสู่ตลาด ไม่ได้มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวแต่อย่างไร อีกทั้งสหรัฐคงไม่ปล่อยให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เพราะอาจกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจรวมถึงเกิดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ คาดว่าสหรัฐน่าจะปล่อยเชลออยล์ (shale oil) ออกมาสู่ตลาดเพื่อลดแรงกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาด

และขณะนี้ยังเป็นช่วงที่มีความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งความต้องการใช้พลังงานสูงอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าหลังจากเดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นไป ความต้องการด้านพลังงานก็จะลดลง แนวโน้มราคาพลังงาน น้ำมันก็น่าจะปรับตัวลดลงด้วย

ลุ้นแบงก์ปล่อยกู้กองทุน

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยถึงความคืบหน้าการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤตน้ำมันแพง สำหรับใช้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมทั้งตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ว่า

หลังจากที่สิ้นสุดระยะเวลาเปิดให้สถาบันการเงินยื่นเงื่อนไขปล่อยกู้กองทุนเมื่อ 31 มกราคม 2565 พบว่าจากที่มีผู้สอบถามเข้ามากว่า 10 รายสรุปว่าสถาบันการเงิน 3 แห่งยื่นเงื่อนไขให้กู้เงิน 20,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ให้ 30,000 ล้านบาท

“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังติดขัดเรื่องระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของทางธนาคารแต่ละแห่ง เพราะเป็นวงเงินกู้ก้อนใหญ่ แต่ละธนาคารจึงต้องนำเข้าวาระการประชุมและขอความเห็นชอบจากบอร์ดก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยง”

โดยล่าสุด สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จะทำเรื่องเสนอคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อขอขยายเวลาให้สถาบันการเงินนำเรื่องแพ็กเกจเงินกู้ 20,000 ล้านบาท เข้าขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคารก่อน ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเงินกู้ได้ว่าเป็นของธนาคารไหน อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าจะสามารถกู้เงินได้ทันในเดือน เม.ย.นี้

หวั่นกระแสเงินอยู่ไม่ถึง 3 เดือน

“ณ วันที่ 30 ม.ค. 2565 ฐานะกองทุนติดลบ 14,080 ล้านบาท มีกระแสเงินสดประมาณ 24,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีเงินไหลออกเพื่อชดเชยราคาน้ำมันและก๊าซเดือนละ 7,353 ล้านบาท ดังนั้นกองทุนจะมีกระแสเงินสดใช้ได้อีกประมาณ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย. 2565 ภายใต้สมมติฐานที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

แต่เดือน ม.ค. ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 87-89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งยอมรับว่าเกินกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้มาก ดังนั้น กรณีเลวร้ายสุดราคาน้ำมันขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กองทุนอาจต้องชดเชยหรือมีเงินไหลออกประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ทำให้เงินที่มีอยู่อาจเหลือใช้ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีที่นอกเหนือการควบคุมคือ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบัน หรือปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนกองทุนใช้กระแสเงินสดหมด ไม่มีสภาพคล่องเหลือ ระหว่างรอเงินกู้จากสถาบันการเงิน และสุดท้ายเงินกู้อาจเข้ามาพยุงราคาน้ำมันในประเทศไม่ทันเดือน เม.ย.นี้ กองทุนก็ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด

“กองทุนอาจมีช่องทางในการหาแหล่งเงินใช้ในการพยุงราคาน้ำมันอื่น เพราะนอกเหนือจากการกู้เงิน โดย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรา 6 ว่าด้วยเรื่องของกองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ตาม (2) ระบุเงินอุดหนุนที่รัฐบาลอาจจัดสรรให้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น ซึ่งหมายถึงกองทุนสามารถรับเงินที่มาจากรัฐบาลได้ แต่รัฐจะหาเงินจากแหล่งใดมาอุดหนุน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่”