พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงถึงโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ในระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ว่า เป็นโครงการสืบเนื่องจากวาระที่ 1 งบประมาณในโครงการประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยระยะที่ 2 จะเน้นเรื่องการฝึกอบรมในการเข้าถึงกองทุน สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมืนบาทต่อปี สอดคล้องกับมาตรการลดความยากจนของประเทศไทยในทุกจังหวัด ซึ่งมีคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งคณะมีนายกฯ เป็นประธาน เอาทั้งเศรษฐกิจ เกษตร และความมั่นคงลงไปช่วยดูตรงนี้ เหมือนประเทศจีนทำ โดยเอาคนลงไปพบปะกับทุกครอบครัวข้างล่างว่าเขาต้องการอะไร รวมกลุ่มกันได้อย่างไร อะไรที่รัฐบาลจะสนับสนุน อะไรเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนจะมาเสริม อะไรที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง นี่คือประชารัฐถ้าไม่คิดแบบนี้ ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเหมือนเดิม
“ในระยะที่ 1 ที่เคยให้เงินไปซื้อสินค้า หลายคนบอกว่าให้เป็นตัวเงินได้ไหม แต่ในข้อเท็จจริงจะไปซื้อของเหล่านี้หรือไม่ ในข้อเท็จจริงก็เห็นอยู่แล้ว แต่ให้ซื้อสินค้าเพราะเพื่อบรรเทา เยียวยาค่าใช้จ่ายในครอบครัว น้ำมันพืช ปลากระป๋องก็ว่าไป ถึงต้องไปซื้อที่ร้านค้า วันหน้าอาจไปซื้อข้างนอกก็ได้ แต่ถ้าให้เงินไปก็เป็นปัญหาหมด วันข้างหน้าไปสู่สังคมไร้เงินสด การใช้การ์ด บัตรเดบิต ถ้าร้านค้าไม่พัฒนาตัวเอง ไม่เข้าสู่การจดทะเบียน เพราะทุกคนกลัวภาษี เมื่อไม่ขึ้นทะเบียน เวลารัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือสนับสนุนก็เข้าร่วมโครงการไม่ได้ แล้วบอกว่ารัฐไม่ได้ดูแล วันข้างหน้าใช้บัตรใช้การ์ดในอนาคต เตือนไว้ก่อนไม่ได้ทำธุรกิจใครเสียหาย ต้องพัฒนาตัวเองได้แล้ว อย่าให้ต้องไปไล่จับไล่ปิดร้านกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
