เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ….ฉบับใหม่ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีข้อกำหนดในเรื่องโครงสร้างศธ. ซึ่งส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็คงต้องรอดู ทั้งนี้หากมีความเปลี่ยนแปลงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คงต้องปรับให้สอดคล้องเพื่อให้ภารกิจเดินหน้าต่อไปได้ โดยในส่วนขององค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) นั้น ก็ต้องรอดู กฎหมายใหม่กำหนดให้องค์การค้าฯ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานใด ซึ่งในช่วงแรกที่มีการจัดตั้งองค์การค้าฯ กฎหมายกำหนดให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคุรุสภา ต่อมาเปลี่ยนให้มาอยู่กับสกสค. แต่ตนและทุกคนทราบดีว่า หากให้องค์การค้าฯ เป็นอิสระ มีการบริหารงานในรูปแบบนิติบุคคล จะสามารถทำการค้าได้ดีและคล่องตัวยิ่งขึ้น องค์การค้าฯ ไม่ควรมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สกสค. หรือหน่วยงานใด ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายใหม่ที่กำลังจะออกมาว่า กำหนดให้องค์การค้าฯ มีหน้าตาเป็นอย่างไร
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้นายวีระกุล อรัณยะนาคผู้ตรวจราชการศธ. ผู้อำนวยการองค์การค้า ของ สกสค.ได้เสนอรายชื่อโรงพิมพ์เอกชนที่ได้ยื่นประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง ที่มีคุณสมบัติครบ จำนวน 5 บริษัท ให้ตนพิจารณา เพื่อให้เข้ามาช่วยจัดพิมพ์หนังสือเรียนในส่วนขององค์การค้าฯ แต่เนื่องจากเอกสารบางส่วนยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงส่งกลับไปให้ทางองค์การค้าฯ แก้ไขก่อนเสนอให้ รัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณาต่อไป ซึ่งเข้าใจว่าภายในสัปดาห์นี้ทางองค์การค้าฯ จะต้องส่งเอกสารกลับมา เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นอาจกระทบกับการจัดพิมพ์หนังสือเรียน
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีการของบประมาณกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี2562 จำนวน 2,390 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้กับองค์การค้าฯ และของบฯเงินเดือนของพนักงานองค์การค้าฯ และ สกสค. ประมาณ 800 กว่าล้านบาทนั้น ในส่วนของการของงบฯฉุกเฉิน 2,390 ล้านบาทนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานประมาณ แต่ในส่วนของงบฯ เงินเดือนซึ่งตั้งขอไว้สำหรับปีงบประมาณ 2563 นั้น ล่าสุดทางสำนักงานประมาณ ทำหนังสือแจ้งมาแล้วว่า กรณีที่จะต้องของบฯ เกิน 30% ของเงินอุดหนุนที่เคยได้รับจะต้องแจ้งไปที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งล่าสุดทางสำนักงาน สกสค. ทำหนังสือแจ้งไปยัง ก.พ.ร.แล้ว ซึ่งต้องรอผลการพิจารณาของ ก.พ.ร. หากได้รับงบฯในส่วนนี้จะนำไปใช้ในการจ่ายเงินเดือนพนักงานองค์การค้าฯ ประมาณ 40 ล้านบาทต่อเดือน พนักงาน สกสค.ประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน รวมประมาณ 60 กว่าล้านบาทต่อเดือน