เปิด 4 แนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์ “นักเรียน” ใครมีสิทธิบ้างเช็ก !

เปิดเทอม-นักเรียน
FILE PHOTO : Lillian SUWANRUMPHA / AFP

เปิด 4 แนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์ “นักเรียน” สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ด้วยความยินยอมของผู้ปกครอง เริ่มภายในเดือนตุลาคมนี้

วันที่ 13 กันยายน 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีมติเห็นชอบการให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ด้วยความยินยอมของผู้ปกครอง โดยจะเริ่มภายในเดือนตุลาคมนี้ ดังนี้

4 แนวทางฉีดไฟเซอร์เด็กนักเรียน

  • ฉีดนักเรียน ม.1-6 หรือ ปวช. ปวส. หรือเทียบเท่า
  • ฉีดในสถานศึกษา เช่น โรงเรียนรัฐบาลและเอกชน โรงเรียนอาชีวศึกษา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนสอนศาสนา ฯลฯ
  • นักเรียนอายุเกิน 18 ปี อนุโลมให้ฉีดวัคซีนได้
  • ผู้ปกครองต้องส่งใบยินยอมการฉีดวัคซีนแก่สถานศึกษา

กลุ่มเป้าหมาย นักเรียน/นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส.) หรือเทียบเท่า แบ่งเป็น 2 ระยะระยะแรกสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช/ปวส.) หรือเทียบเท่า ถัดไปจะจัดสรรวัคซีนสำหรับระดับชั้นอื่นๆ ที่เหลือ โดยรูปแบบการให้บริการจะเป็นการให้บริการผ่านสถานศึกษาที่มีผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปกำลังศึกษาอยู่

โดย ศบค.ได้เร่งให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร สำรวจกลุ่มเป้าหมาย จัดทำแผนจัดสรร กำหนดช่วงเวลาเข้ารับวัคซีนและประสานสถานศึกษาเพื่อนำนักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ สถานศึกษาต้องชี้แจงผู้ปกครองเพื่อขอความยินยอมในการรับวัคซีนและจัดส่งใบยินยอม และแจ้งจำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับ ทั้งนี้ จะมีการเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับการฉีดวัคซีนด้วย

สำหรับสถาบันการศึกษาที่นักเรียน/นักศึกษามีอายุเกิน 18 ปี ก็สามารถให้รับวัคซีนไฟเซอร์ได้โดยอนุโลม ซึ่งทางกระทรวงศึกษาฯ จะเร่งดำเนินการฉีดให้เร็วและครอบคลุมที่สุดเพื่อรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564

น.ส.รัชดากล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนการให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่นักเรียนที่อยู่ในกลุ่มผู้มีภาวะเสี่ยงและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ทุกสังกัดในพื้นที่ กทม. ซึ่งแผนดังกล่าวครอบคลุมการจัดหน่วยสาธารณสุขเพื่อให้บริการฉีดวัคซีน การติดตามอาการภายหลังได้รับวัคซีน และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและการเตรียมตัว

เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักเรียนจะต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโรคในสถานศึกษาด้วย โดยจะเริ่มการให้บริการฉีดวัคซีนแก่เด็กตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนนี้เป็นต้นไป

“การฉีดวัคซีนแก่เด็กและเยาวชนจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง ยึดความปลอดภัยของเด็ก ติดตามอาการหลังการได้รับวัคซีนด้วย จึงขอให้สถานศึกษาเร่งสร้างการรับรู้แก่เด็ก ผู้ปกครอง รวมทั้งบุคลากรในโรงเรียนถึงเป้าหมายการฉีดวัคซีน เพื่อลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิต สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนให้เด็กและเยาวชนสามารถกลับเข้าสู่การเรียนการสอนแบบ Onsite ได้” น.ส.รัชดากล่าว