“จุฬาฯ” ปั้นนักสร้างแบรนด์ เปิด ป.โท Brand Management

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน Thailand”s Top Corporate Brand Values และ The Most Powerful Brands of Thailand มาอย่างต่อเนื่อง บวกกับมีหลักสูตรปริญญาโทด้านแบรนด์และการตลาดที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม อย่างไรก็ตาม เพื่อเติมเต็มการรับรู้เรื่องแบรนด์ของไทยให้ชัดเจนมากขึ้น ทางคณะพาณิชยศาสตร์ฯ จุฬาฯ จึงได้จัดทำหลักสูตรใหม่ “Brand Management” ขึ้น และเปิดสอนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

“ดร.เอกก์ ภทรธนกุล” ประธานหลักสูตรปริญญาโทด้านแบรนด์และการตลาด (ภาคภาษาอังกฤษ) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ให้ข้อมูลว่า แบรนด์มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนสี โลโก้ หรือสโลแกนองค์กรเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแบรนด์คือการปรับมุมคิด และเป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนองค์กรได้ กระนั้น ยังไม่มีมหาวิทยาลัยใดที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านแบรนด์ และเปิดสอนเป็นหลักสูตรในระดับปริญญาโทโดยตรง

“เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จุฬาฯ ควรทำขึ้นมาให้เป็นนวัตกรรม โดยเป็นเรื่องใหม่ และช่วยแก้ปัญหาที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ แต่ความท้าทายคือคนที่เก่งเรื่องแบรนด์ไม่ได้อยู่ที่ไทยอย่างเดียว มีมหาวิทยาลัยดี ๆ ในโลกที่เก่งเรื่องนี้ เลยติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพราะตั้งเป้าไว้ว่าหากจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาใด ก็ต้องเป็นระดับท็อปเท่านั้น”

บางวิชาของหลักสูตรนี้จึงถูกออกแบบร่วมกันระหว่างจุฬาฯ และ ม.เคมบริดจ์ อย่างวิชา Seminar in Global Branding ซึ่งอาจารย์จาก ม.เคมบริดจ์จะมาสอนในไทย ขณะเดียวกัน ช่วงเทอม 2 ของการเรียน จุฬาฯ จะพานิสิตไปเรียนที่ ม.เคมบริดจ์ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ช่วงเวลาดังกล่าวนิสิตจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ และสัมผัสกับกูรูด้านแบรนด์ และอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น คนที่ดูแลแบรนด์ให้กับ McLaren F1 และกูเกิล ยุโรป

นี่เป็นหนึ่งในคุณลักษณะของหลักสูตร ที่ “ดร.เอกก์” ระบุว่า “TOP” คือคำนิยามของหลักสูตร Brand Management เริ่มตั้งแต่แง่ของการเป็น Business School ของจุฬาฯ และ ม.เคมบริดจ์ รวมถึงอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งไม่เพียงกูรูฝั่งตะวันตกเท่านั้น แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์ของเอเชีย รวมถึงกูรูการสร้างแบรนด์ของไทยอย่าง “ดลชัย บุณยะรัตเวช” และนอกจากผู้เรียนจะได้รับความรู้ด้านแบรนด์ทั้งระดับโลก เอเชีย และในประเทศแล้ว ยังสามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษาต่อในอนาคตได้อีกด้วย

สำหรับการเรียนการสอน นิสิตจะได้รับความรู้ครบทุกมิติของเรื่องแบรนด์ อาทิ วิชา Brand Building ซึ่งจะนำข้อมูลจริงขององค์กรมาให้นิสิตวิเคราะห์และสร้างแบรนด์ แล้วเชิญผู้บริหารจากแบรนด์นั้น ๆ มาให้ความเห็น หรือวิชา Brand Audit and Measurement ที่จะดูว่าในระดับโลกมีการสร้างเครื่องมือใดมาวัดคุณค่าและมูลค่าแบรนด์ รวมถึงวิชา Marketing Research and Brand Research ที่เป็นเหมือนการเช็กสุขภาพแบรนด์ก่อนสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง

“ก่อนเรียนจบ นิสิตต้องผ่านการทำ IS (Independent Study) ซึ่งเราต้องการให้นิสิตใช้เวลาในการทำงานมาสเตอร์พีซ เพราะเมื่อเขาออกไปทำเป็นที่ปรึกษาแบรนด์ หรือสร้างแบรนด์ให้องค์กรต่าง ๆ ก็จะสามารถหยิบงานชิ้นนี้ไปแสดงให้ลูกค้าหรือเจ้านายได้เห็นว่าเขาสามารถทำงานด้านแบรนด์ได้ ตอนนี้หลายบริษัทเห็นความตั้งใจของเราในการสร้างหลักสูตรนี้ จึงได้เสนอเข้ามาว่า อาจให้ทุนเรียนฟรีสำหรับนิสิตที่สนใจทำ IS ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของตน”

ทั้งนั้น เพราะต้องการคนระดับท็อปและให้เป็นหลักสูตรที่มีคุณภาพ จึงจำกัดจำนวนผู้เรียนอยู่ที่ปีละ 25 คนเท่านั้น โดยจะต้องมีประสบการณ์ด้านแบรนด์มาแล้วอย่างน้อย 1 ปี และมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL อยู่ที่ 550 หรือคะแนน IELS อยู่ที่ 6.5 เป็นอย่างน้อย และในปีถัดไปอาจเพิ่มคะแนน IELS ขยับไปอยู่ที่ 7.5 เพื่อให้เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ สำหรับค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรอยู่ที่ 785,000 บาท และจะเปิดรับสมัครในวันที่ 1 ก.พ. 2561

อย่างไรก็ตาม เพื่อขับเคลื่อนเรื่องแบรนด์ในประเทศไทย จะมีการจัดตั้งสมาคมแบรนด์แห่งประเทศไทย ซึ่งนิสิตที่เรียนจบแล้วจะเข้ามาอยู่ในสมาคมแห่งนี้โดยอัตโนมัติ ทำให้คนเก่งได้มาอยู่ด้วยกัน และเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างกัน อันเป็นกลไกที่ทำให้หลักสูตรนี้มีความยั่งยืน

“ในแต่ละปีจะมีการทำกิจกรรม อย่างการเชิญอาจารย์ที่มีชื่อเสียงด้านแบรนด์มาพูดคุย โดยจัดสัมมนาฟรีสำหรับนักเรียนปัจจุบัน นักเรียนเก่า อาจจะจัดขึ้นปีละ 3-4 ครั้ง เพื่อให้เป็นไดนามิกด้านแบรนด์ และสร้างองค์ความรู้จากต่างประเทศให้ไหลเข้ามาในไทย หลังจากนั้น จะเปิดให้เป็นงานสาธารณะ เพื่อให้คนที่อยู่ในวงการแบรนด์ได้มาเจอกัน”

“ดร.เอกก์” ย้ำว่า หลักสูตร Brand Management เรียนยากมาก แต่คนที่เรียนจบไปแล้วจะเกิดความภาคภูมิใจว่าตัวเองเป็นคนที่เก่งด้านแบรนด์จริง ๆ และออกไปสร้างแบรนด์ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือเข้าไปอยู่ในบริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ ซึ่งตอนนี้เกือบทุกบริษัทต้องการทำเรื่องแบรนด์ให้ชัดเจน ดังนั้น จึงมีโอกาสในตลาดงานอีกมากสำหรับคนที่เรียนจบหลักสูตรนี้