โรงเรียนเก่า 2 ยุวกษัตริย์ “ENSR” เปิดค่ายฤดูร้อนรุกเอเชีย

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับว่า มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับโดย World Economic Report อีกทั้งบรรยากาศการเรียนการสอน ภูมิประเทศที่สวยงาม ระบบการเรียนเน้นผู้เรียนเป็นหลัก บวกกับความสงบสุข ปลอดภัยของประเทศ จึงทำให้ผู้ปกครองมีความไว้วางใจ กระทั่งกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นประเทศในฝันของผู้ที่อยากจะเรียนหนังสือ และการดำรงชีวิตของคนทั่วโลก

“เซบาสเตียน โทรยง” ผู้อำนวยการรับสมัครและการสื่อสาร โรงเรียนเอกอล นูเวล เดอ ลา สวิส โรมองด์ กล่าวว่า โรงเรียนเอกอล นูเวล เดอ ลา สวิส โรมองด์ หรือ ENSR ก่อตั้งเมื่อปี 2449 โดยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามของเมืองโลซานน์ อีกทั้งช่วงหนึ่งยังเคยเป็นที่เป็นพำนัก และเล่าเรียนของ 2 ยุวกษัตริย์ของไทย คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงระหว่างปี 2478-2488 ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้สร้างอาคารแห่งใหม่เพื่อเป็นที่รำลึกถึงความทรงจำ และความรักของพระมหากษัตริย์ทั้ง 2 ที่มีต่อเมืองโลซานน์ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารในปี 2553 ที่ผ่านมา

เซบาสเตียน โทรยง

สำหรับด้านการเรียนการสอน ที่นี่เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ระดับ 3-18 ปี ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 630 คน เป็นนักเรียนประจำ 50 คน มี 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรสวิส สอนด้วยภาษาฝรั่งเศส (Swiss Maturite) และหลักสูตรนานาชาติ (International Baccalaureate หรือ IB) ซึ่งสามารถยื่นเพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก อัตราค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนระดับเกรด 5-12 อยู่ที่ประมาณ 5.4-8 แสนบาท/ปี ส่วนนักเรียนที่พักประจำอยู่ที่ประมาณ 1.6-2.4 ล้านบาท/ปี

“ไม่เพียงแต่เหตุผลด้านความปลอดภัย แต่นักเรียนที่นี่ยังได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมที่เหมาะสมตามฤดูกาล จนทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองในหลากหลายประเทศ ทั้งราชวงศ์ บุคคลทั่วไป และเมื่อจบออกไปแล้ว นักเรียนจะได้ทักษะด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส หรือภาษาอื่น ๆ อาทิ ภาษาเยอรมัน, อิตาเลียน และสเปน ซึ่งจะอยู่ในวิชาเลือก อีกข้อได้เปรียบคือปริมาณนักเรียนต่อห้องเพียง 10 คน นักเรียนจะได้รับการสนับสนุนตามความสนใจของตนเองอย่างเต็มที่ โดยมีครูคอยให้คำปรึกษาอย่างเฉพาะเจาะจง”

นอกเหนือจากการเรียนการสอนของโรงเรียน ที่นี่ยังมีกิจกรรมค่ายฤดูร้อน ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ จากทุกมุมโลกมาเรียนรู้ประสบการณ์ในระยะเวลา 1-5 สัปดาห์ โดยทุกปีจะเปิดรับสมัครนักเรียนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป สำหรับปีนี้ “เซบาสเตียน โทรยง” เล็งเห็นว่า นักเรียนจากฝั่งเอเชียเป็นกลุ่มที่ทาง ENSR ให้ความสนใจ ซึ่งที่ผ่านมายังเป็นกลุ่มที่เข้าร่วมกิจกรรมไม่มากนัก เนื่องจากยังขาดการประชาสัมพันธ์ ดังนั้นในปีนี้ ผมจึงเดินทางมาประชาสัมพันธ์โครงการด้วยตนเอง เพื่อหวังให้นักเรียนจากหลากหลายทวีปมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การใช้ชีวิตด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศและประสบการณ์ใหม่

“ค่ายฤดูร้อนเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศในยุโรปต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง สร้างเศรษฐกิจ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องเร่งทำงาน ทำให้ไม่สามารถดูแลลูก ๆ ในช่วงปิดเทอม ทางโรงเรียนต่าง ๆ จึงริเริ่มการจัดค่ายฤดูร้อนขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระ และเป็นการสร้างกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กด้วย ซึ่งต่อมาได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงกว้างมากขึ้น และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน”

โรงเรียนเอกอล นูเวล เดอ ลา สวิส โรมองด์ ดำเนินการเรื่องกิจกรรมค่ายฤดูร้อนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 60 ปี ในเมืองแชมเพรี มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับวิชาการ และกลางแจ้งให้เลือกมากมาย ทั้งการเดินป่า ขี่ม้า การเล่นสกี โดยค่ายฤดูร้อนเปิดช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี รองรับนักเรียนได้ 40-70 คน/ปี แบ่งเป็นรุ่นละ 4-7 คน นักเรียนกว่า 50% เป็นนักเรียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

“นอกจากนี้จะมีนักเรียนจากกลุ่มตะวันออกกลาง, สหรัฐอเมริกา ส่วนโซนเอเชียมีอยู่น้อยมาก ในปีนี้มีนักเรียนจากเวียดนาม ไทย เพียงประเทศละ 1 คนเท่านั้น ทำให้ทางโรงเรียนต้องหันมาทำตลาดนักเรียนในฝั่งเอเชียมากขึ้น ผ่านการเดินสายประชาสัมพันธ์โครงการค่ายฤดูร้อนในประเทศไทย จีน และญี่ปุ่น และการทำตลาดผ่านตัวแทนด้านการศึกษา เพื่อให้เกิดความหลากหลาย ทั้งชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ภาษา ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 67,000 บาท/สัปดาห์ (รวมค่าที่พักระดับ 4 ดาว) โดยนักเรียนสามารถเลือกได้ว่าต้องการที่จะอยู่กี่สัปดาห์ แต่โดยเฉลี่ยนักเรียนจะอยู่ประมาณ 3 สัปดาห์ เพราะจะได้มีระยะเวลาในการทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ และสามารถเก็บเกี่ยวกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่”

“เซบาสเตียน โทรยง” ทิ้งท้ายว่า กิจกรรมค่ายฤดูร้อนในปัจจุบัน แม้จะมีวัตถุประสงค์แตกต่างไปจากอดีตแต่ทว่าก็ตอบโจทย์ผู้ปกครองที่คาดหวังด้านวิชาการ และคอนเน็กชั่น แต่เราก็สอดแทรก เรี่องการศึกษา กับกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อมุ่งเน้นให้นักเรียนมีความหลากหลายทางด้านการเรียนรู้ โดยมีเนื้อหาสลับกับกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อตนเองแม้เขาจะไม่ได้อยู่กับครอบครัว การปรับตัวเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น และเรียนรู้จากการลงมือทำ ดังจะเห็นได้ว่าการศึกษาที่ดี คือ การสร้างสมดุลให้เกิดขึ้น ระหว่างคุณค่าของการเรียน และกิจกรรมการเล่นอย่างเหมาะสม เพราะผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากมายต่างค้นพบตนเองผ่านการเล่นเมื่อวัยเยาว์นั่นเอง