คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
หุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (8-11 ส.ค.) ยืนเหนือ 1,600 จุดได้ตลอดทั้งสัปดาห์ โดยปิดตลาดที่ 1,622.26 จุด
โดย “ชาญชัย พันทาธนากิจ” ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา โฟกัสหลักของ SET คือตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมาค่อนข้างดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ช่วยลดแรงกดดันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.75% ลงมาที่ระดับ 0.5% ในการประชุมครั้งถัดไป ขณะที่ภาพดอกเบี้ยนโยบายของไทยเริ่มเห็นสัญญาณการปรับขึ้น ครั้งล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 0.25%
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
“เชื่อว่ารอบการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งของปีนี้ น่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทั้ง 2 รอบ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.25% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ และหนุนต่อทิศทางเงินทุนต่างชาติ (fund flow) ที่ไหลเข้ามา”
ขณะที่ทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยช่วงไตรมาส 2/2565 ที่รายงานออกมาแล้ว คาดว่าไม่น่าจะสร้างดาวน์ไซด์ให้กับประมาณการกำไรทั้งปี เพราะฉะนั้นมองส่วนนี้เป็นอีกปัจจัยบวกหนึ่งช่วยหนุนตลาดขึ้นมาได้
มองไปในสัปดาห์ข้างหน้านี้ (15-19 ส.ค.) “ชาญชัย” วิเคราะห์ว่า SET Index มีโฟกัสหลักด้วยกัน 3 ประเด็น คือ 1.การรายงานกำไรไตรมาส 2/2565 ของ บจ.ไทยโค้งสุดท้าย ในวันที่ 15-16 ส.ค.
2.การรายงานตัวเลขอัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2565 ของไทย ในวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะกดดันตลาด และ 3.ติดตาม fed minutes ของการประชุมเฟดในรอบก่อนที่จะมีรายงานออกมา
“ภาพเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ แต่จะไม่เร่งขึ้นเหมือนสัปดาห์นี้ น่าจะประคองตัวบริเวณเหนือ 1,600 จุด ส่วนแนวต้านมองอยู่ในโซน 1,630-1,640 จุด”
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส แนะนำธีมกลยุทธ์ลงทุน ให้เน้นหุ้นงบการเงินไตรมาส 2/2565 ที่ออกมาดี และน่าจะดีต่อเนื่องไปในไตรมาส 3/2565 ซึ่งแนะนำ BEM, CENTEL และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นอย่าง KTB