บล.บัวหลวง รายงานภาวะรอบด้านตลาดหุ้น 6 ก.พ. 2561

ภาพตลาดและแนวโน้ม

ดัชนีฯเตรียมรีบาวด์ อย่างช้า พฤหัส…เหลียวหลังแลหุ้น Underdog

เมื่อวาน หุ้นส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ เขียวสวนตลาด นำโดย KCE HANA DELTA และหุ้น SMID Cap เช่น SIMAT TSF JMT TWPC ขึ้นดีกว่าตลาด ส่วนหุ้นบูลชิพใหญ่…ใครที่กระชับพอร์ตตามคำแนะนำตั้งแต่เมื่อกลางเดือน ม.ค.เป็นต้นมา แนะ Wait and see รอไปก่อน

ถ้าวันนี้ปิดตลาดดัชนีฯลบน้อยกว่า 20 จุด เชื่อว่า วันพรุ่งนี้หรืออย่างช้าวันพฤหัส ตลาดจะ รีบาวด์สั้นๆ หุ้นเด่นทำรอบ ช่วงนี้ เน้นไปที่หุ้น Underperform ตลาด (YTD) เช่น กลุ่มส่งออกอิเล็กทรอนิกส์, โรงแรม, สายการบิน, ยานยนต์ (ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นที่ลง จากแนวโน้มบาทแข็งมีผลกระทบ)

What to watch…

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯระยะสั้นเริ่มลดลง โดยอายุ 2 ปีลดลงจาก 2.19% เหลือ 2.04% ระยะยาว 10 ปี เหลือ 2.7% จาก 2.9% (ยังห่างจากปี 2004 ที่ 4.5% ซึ่งเป็นช่วงดอกเบี้ยเฟดขาขึ้นรอบใหญ่) ผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีปัญหากลับมาถดถอย (Invert yield
curve) รวมถึงไม่ได้เป็นสัญญาณว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯจะขึ้นได้เร็ว…เพราะยิ่งผลตอบแทนระยะยาวสูงขึ้น
ในทางทฤษฎีจริงๆแล้ว จะยิ่งไปสร้างแรงกดดันต่อเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดให้ต่ำเป้า และการขึ้นดอกเบี้ย
ทำได้ยากหากเงินเฟ้อต่ำเป้า

(*) แนวโน้มบาทกลับมาอ่อนค่า …จากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง หมุนเข้าพักในเงินดอลล์สหรัฐฯ (เก็งกำไร
หุ้น Contrarian stock เข่น กลุ่มที่ผลตอบแทนแย่กว่าตลาด YTD ส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, สายการบินและท่องเที่ยวโรงแรม

(*) การแจ้งงบการเงินของ บจ.ในสัปดาห์นี้ และ ประกาศปันผล แนะจับตาปันผลหากดีกว่าคาดจะช่วยจำกัด
ความเสี่ยงขาลงหุ้นไทยได้ งบออกวันนี้ INTUCH ระยะสัปดาห์ คาดกรอบระยะสัปดาห์ แนวรับ 1,800/1,790 ต้าน 1,840 จุด คาดเดือน ก.พ.มีโอกาสหลุด 1,800 ลงมา และมอง Downside ดัชนีฯแถว 1,760 +/-

หุ้นแนะนำวันนี้

KCE ได้ประโยชน์หากราคาทองแดงมีโอกาสลดลง เพราะดอลล์สหรัฐฯที่แข็งค่า จาก Flight to save
haven (ขายสินทรัพย์เสี่ยง ถือเงินดอลล์สหรัฐฯ) บวกกับ บาทอ่อนค่าเทียบดอลล์สหรัฐฯ-คลายวิตกเรื่อง
ผลกระทบบาทแข็ง และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่ม Underperform ตลาด มากที่สุด

BLA อีกหนึ่งหุ้นที่ Underdog ขณะที่ผลกำไรบริษัทฯ และ ราคาหุ้นมีความสัมพันธ์กับอัตราผลตอบแทน
พันธบัตรไทย (Bond yield) ซึ่งเริ่มขยับขึ้น โดยล่าสุดพุ่งขึ้นจาก 2.45% เป็น 2.52% (w-w)