5 สิ่งควรรู้ก่อนลงทุนตราสารหนี้

กองทุน ตราสารหนี้
บทความโดย : สมาคมตลาดตราสารหนี้ (ThaiBMA)

5 สิ่งควรรู้ก่อนลงทุนตราสารหนี้

ตลาดแรก – ตลาดรอง

ลงทุนโดยตรง ใน 2 ช่องทาง

1. ลงทุนในตลาดแรก : ที่ผู้ออกเสนอขายเป็นครั้งแรก

ㆍพันธบัตรออมทรัพย์ซื้อได้ที่ธนาคารตัวแทนจำหน่ายMobile application หรือแอปเป๋าตัง

ㆍตราสารหนี้ภาคเอกชนเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหนาย(ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์)

2. ลงทุนในตลาดรอง : ที่เป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือระหว่างผู้ลงทุนที่ต้องการขายก่อนครบอายุหรือชื่อไม่ทันในตลาดแรก

ㆍติดต่อ Dealer (ธนาคารพาณิชย์หรือ บริษัทหลักทรัพย์) ที่เป็นตัวกลาง

ㆍตลาดรองตราสารหนี้ภาคเอกชนมีสภาพคล่องไม่สูง ผู้ลงทุนจึงอาจไม่สามารถซื้อขายได้ในเวลาที่รวดเร็วหรือขายได้ในราคาที่ต้องการ

ทั้งนี้ ตราสารหนี้ภาคเอกขนส่วนใหญ่ต้องซื้อขั้นต่ำที่ 100,000 บาท ผู้ลงทุนจิ้งอาจกระจ่ายความเสี้ยงได้ไม่มากและควรติดตามข้อมูลตลาดเสมอ

ความเสียงจากการผิดนัดชำระ (DEFAULT)

ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) คือการที่ผู้ออกไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามกำหนด

ㆍตราสารหนี้ภาครัฐจะไม่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ (Risk-free)

ㆍตราสารหนี้ภาคเอกชน ผู้ลงทุนพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ได้จากอันดับเครดิต (Credit Rating)

ㆍอันดับเครดิตมี 2 กลุ่มใหญ่ คือInvestment Grade: อันดับเครดิต AAA ถึง BBB- และ Speculative Grade: อันดับเครดิต BB+ ถึง D

ㆍอันดับเครดิตยิ่งสูง ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระยิ่งต่ำ

เมื่อมีการผิดนัดชำระ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะทำหน้าที่เรียกร้องให้ผู้ออกชำระหนี้และเป็นศูนย์กลางข้อมูล โดยผู้ถือหุ้นกู้ควรติดตามข่าวสารจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และต้องใช้สิทธิเข้าร่วมประชุมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง

อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อราคา

อัตราดอกเบี้ยในตลาดเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าหรือราคาตราสารหนี้เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม

ㆍอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาตราสารหนี้จะลดลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยลตลง ราคาตราสารหนี้จะสูงขึ้น

ㆍเช่น ถือตราสารหนี้ที่จ่ายอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (คูปอง) 3% ต่อมาอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับขึ้นจาก3% เป็น 4% ตราสารหนี้ที่จะออกใหม่จะให้ผลตอบแทนที่ 4%และหากผู้ลงทุนต้องการขายตราสารหนี้ที่ถืออยู่ก็ต้องลดราคาลงเพื่อให้น่าดึงดูดเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่จะออกใหม่

ㆍอย่างไรก็ตามในกรณีที่นักลงทุนถือตราสารหนี้จนครบกำหนดอายุจะไม่มีผลกระทบดังกล่าว

กองทุนรวมตราสารหนี้

การลงทุนตราสารหนี้โดยอ้อมผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้

ㆍติดต่อธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเพื่อเปิดบัญชีชื่อขายกองทุนรวม

ㆍเลือกนโยบายการลงทุนที่ต้องการ และสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ㆍการลงทุนผ่านกองทุนรวมใช้เงินลงทุนไม่สูง และมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี

ทั้งนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้จะต้องคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV)ให้เป็นมูลค่าตามราคาปัจจุบัน ที่เรียกว่าการ Mark To Market ในทุกๆ สิ้นวันทำการผู้ลงทุนจึงอาจมีโอกาสขาดทุนหรือกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่เคลื่อนไหวตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

ภาษีการลงทุนโดยตรง

ㆍบุคคลธรรมดาจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายของดอกเบี้ยรับ 15%

ㆍหากขายแล้วได้กำไรจะต้องเสียกาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ของกำไร

ทั้งนี้นักลงทุนสามารถขอคืนภาษีได้หากฐานภาษีเงินได้ประจำปีไม่ถึง 15%

การลงทุนโดยอ้อมผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้

ㆍกองทุนรวมจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยรับ 15% ซึ่งนักลงทุนไม่สามารถขอคืนภาษีได้แม้ฐานภาษีไม่ถึง 15% เพราะผู้เสียภาษีคือกองทุนรวม

ㆍเงินปันผลและกำไรจากการขายหน่วยลงทุนได้รับยกเว้นภาษี

ㆍ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพได้รับยกเว้นภาษีของดอกเบี้ยรับที่ได้จากการลงทุนตราสารหนี้