นายกฯเศรษฐา ชวน BlackRock ลงทุนไทย โอกาสหุ้นตัวไหนได้ประโยชน์

หุ้นไทย SET
Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

นายกฯเศรษฐา เข้าพบ “แลร์รี่ ฟิงก์” ซีอีโอ BlackRock ศึกษาแนวทางลงทุนไทย บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์โอกาสหุ้นตัวไหนได้ประโยชน์

วันที่ 21 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังระหว่างเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2566 นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้แถลงในงาน SDGs Summit 2023 ไปนั้น

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้วิเคราะห์ไว้ว่า คำแถลงดังกล่าวจะเน้นพูดถึง 1.ลดความยากจน 2.ให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน และ 3.ส่งเสริมพลังงานสมัยใหม่ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีการเข้าพบ นายแลร์รี่ ฟิงก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท BlackRock บริษัทบริหารการเงินและการลงทุนระดับโลก เพื่อศึกษาแนวทางการลงทุนในประเทศไทย ทั้งภาคการลงทุนขนาดเล็กขนาดกลาง และขนาดใหญ่

โดยเฉพาะสนับสนุนธุรกิจ Clean Energy เพื่อขยายฐานการลงทุน และฐานการผลิต และนายแลร์รี่ ฟิงก์ แสดงความสนใจลงทุน SLB (Sustainability Linked Bond) หรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ที่รัฐบาลไทยจะผลักดันในปี 2567

ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวน่าจะเป็นเซนติเมนต์ที่ดีต่อหุ้น Clean Energy รวมถึงธุรกิจที่เริ่มมีการเตรียมความพร้อม และเคยออก ESG Bond หรือ SLB ในช่วงที่ผ่านมา น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศมากขึ้น

ฝ่ายวิจัยเอเซียพลัส ได้ทำการรวบรวมข้อมูลมี ESG Bond และ SLB ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ไทยดังนี้

SLB

  • BTS ออกไปแล้ว 12 รุ่น มูลค่าคงค้าง 31,000 ล้านบาท
  • TU ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 11,000 ล้านบาท
  • IVL ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 10,000 ล้านบาท

ESG Bond

  • BTS ออกไปแล้ว 22 รุ่น มูลค่าคงค้าง 49,800 ล้านบาท
  • BEM ออกไปแล้ว 12 รุ่น มูลค่าคงค้าง 17,000 ล้านบาท
  • GPSC ออกไปแล้ว 8 รุ่น มูลค่าคงค้าง 17,000 ล้านบาท
  • BCPG ออกไปแล้ว 5 รุ่น มูลค่าคงค้าง 12,000 ล้านบาท
  • TU ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 11,000 ล้านบาท
  • IVL ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 10,000 ล้านบาท
  • EA ออกไปแล้ว 6 รุ่น มูลค่าคงค้าง 8,500 ล้านบาท
  • GULF ออกไปแล้ว 2 รุ่น มูลค่าคงค้าง 8,000 ล้านบาท
  • RATCH ออกไปแล้ว 4 รุ่น มูลค่าคงค้าง 8,000 ล้านบาท
  • BGRIM ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 6,300 ล้านบาท
  • KBANK ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 3,869 ล้านบาท
  • TFG ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 2,400 ล้านบาท
  • WHAUP ออกไปแล้ว 2 รุ่น มูลค่าคงค้าง 2,300 ล้านบาท
  • SPCG ออกไปแล้ว 1 รุ่น มูลค่าคงค้าง 1,500 ล้านบาท
  • STGT ออกไปแล้ว 3 รุ่น มูลค่าคงค้าง 1,500 ล้านบาท
  • CPN ออกไปแล้ว 1 รุ่น มูลค่าคงค้าง 1,000 ล้านบาท
  • IRPC ออกไปแล้ว 1 รุ่น มูลค่าคงค้าง 750 ล้านบาท

“หุ้นที่เคยออก ESG Bond ได้กระแสหนุน และน่าสะสมหวังผลระยะกลางถึงยาว แนะนำ BEM, BCPG, TU, IVL, EA, GULF, CPN เนื่องจากมีอัพไซด์มูลค่าหุ้น (Valuation) ค่อนข้างมาก (ดูตาราง)