หุ้น EV กอดคอพุ่งยกแผง อานิสงส์บอร์ดอีวีไฟเขียวมาตรการ EV 3.5

เช็กกระแสหุ้น

หุ้น EV กอดคอพุ่งแรง อานิสงส์บอร์ดอีวีไฟเขียวมาตรการ EV 3.5 อุดหนุนสูงสุดคันละ 1 แสนบาท กลุ่มดีลเลอร์-กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม-กลุ่มซัพพลายเชนในประเทศ ตีปีก หุ้น AH พุ่งนำกลุ่ม +5.26%

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 นายนภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามที่ประชุมบอร์ดอีวีได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2570 เพื่อผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค แม้ว่ารัฐจะให้เงินอุดหนุนน้อยลง แต่จะมามุ่งเน้นการกระตุ้นการผลิตภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น

โดยรัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ ประกอบด้วย

  • กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 50,000-100,000 บาท/คัน สำหรับขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 20,000-50,000 บาท/คัน
  • กรณีรถกระบะไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 50,000-100,000 บาท/คัน
  • กรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 5,000-10,000 บาท/คัน

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้กรมสรรพสามิตขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV 3 จากเดิมที่ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ให้ขยายเวลาเป็นต้องจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มกราคม 2567 เพื่อให้ผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อยานยนต์ไฟฟ้าภายในงาน Thailand International Motor Expo ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2566 ยื่นจดทะเบียนได้ทันภายในเดือนมกราคม 2567

โดยประเมินหุ้นที่จะได้ประโยชน์คือ

1.กลุ่มดีลเลอร์ เพราะว่าในงานมอเตอร์โชว์น่าจะเห็นยอดรถอีวีกลับมาคึกคักต่อเนื่อง จากการได้รับการกระตุ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น บมจ.ซัสโก้ (SUSCO), บมจ.คอมเซเว่น (COM7), บมจ.อิปิโก ไฮเทค (AH) รวมไปถึงหุ้นที่ได้รับเซนติเมนต์บวกอย่าง บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) (MGC) ถึงแม้ว่าราคารถของแบรนด์ BMW จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ได้รับมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่คงจะหนุนให้ภาพรถอีวีน่าจะได้รับการกระตุ้นต่อเนื่อง

2.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จะได้ประโยชน์เฟสแรกกับการส่งเสริมนโยบายช่วงนี้ เพราะถ้าขายช่วงนี้ก็จะต้องผลิตในอนาคตอยู่ดี จึงเชื่อว่าธุรกิจต้องมีการมองหาที่ดินไว้ก่อน ซึ่งจะเห็นทั้งบีวายดีและฉางอัน ที่มาซื้อที่ดินของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)

ส่วนเฟสสองของการกระตุ้นการผลิตในประเทศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปีหน้าและปีถัด ๆ ไป จะเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากตั้งเงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนในประเทศ ให้ผู้ได้รับการสนับสนุนผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 ในอัตราส่วน 1 : 2 หรือนำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน และจะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ภายในปี 2570

3.กลุ่มซัพพลายเชนในประเทศ ก็จะได้ประโยชน์จากประเด็นนี้ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์อย่าง บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT), บมจ.อิปิโก ไฮเทค (AH) โดยชัดสุดน่าจะเป็น AH เพราะว่ามีออร์เดอร์รถอีวี เช่น VinFast, Proton เข้ามาอยู่แล้ว จึงน่าจะได้ประโยชน์จากซัพพลายเชนตรงนี้

และกลุ่มผลิตแบตเตอรี่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพราะว่าจะมีมาตรการส่วนหนึ่งที่มีการกำหนดไว้ว่าต้องใช้สัดส่วนในประเทศเท่าไร

และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหลายบริษัทก็ผลิตชิ้นส่วนที่ใช้สำหรับรถอีวีโดยเฉพาะด้วย และบางบริษัทก็ใช้ได้ทั้งรถอีวีและรถยนต์สันดาป (ICE)

โดยราคาหุ้น ณ เวลา 11.44 น. พบว่าหุ้นในกลุ่มอีวีปรับตัวพุ่งขึ้นยกแผง ประกอบด้วย

  • SUSCO +1.80%
  • AH +5.26%
  • COM7 +3.70%
  • WHA +1.22%
  •  SAT +0.57%
  • GPSC +1.92%
  • EA +2.91%