ราคาน้ำมันดิบ (14 ธ.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1% ภายหลังสต๊อกน้ำมันดิบปรับลด

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1% ภายหลังสต๊อกน้ำมันดิบปรับลด รวมถึงเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่มในปีหน้า

วันที่ 14 ธันวาคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% ภายหลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ธ.ค. 66 ปรับลดลงกว่า 4.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 440.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลงราว 0.6 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลด้านความปลอดภัยของอุปทานในตะวันออกกลาง ภายหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแดงนอกชายฝั่งเยเมน

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 13 ธ.ค. 2566 อยู่ที่ 69.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.86 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 74.26 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.02 เหรียญสหรัฐ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา ถือเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกว่า 11 ครั้ง ทั้งนี้ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เฟดยังส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75%

เรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแดง 4 ลำ ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกองกำลังฮูตี (Houthi) ในเยเมน เพื่อสกัดเส้นทางการเดินเรือไม่ให้เดินทางไปยังอิสราเอล โดยกลุ่มกองกำลังฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ใช้อาวุธปืนและจรวดโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซา

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามเดือน พ.ย. 66 ปรับเพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 1.8 แสนตัน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อภาพรวมอุปสงค์ในตลาดเอเชียที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงท่ามกลางอุปทานที่ล้นตลาด

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนจะขยายมาตรการลดภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ต่ออีกสองเดือนไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ. 67 อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านเศรษฐกิจในภูมิภาครวมถึงอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในแถบตะวันตกยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันดีเซลในตลาด