บลจ.อีสท์สปริง เปิดขายกองทุนพันธบัตรมุ่งรักษาเงินต้น เริ่ม 5-8 มี.ค.นี้

บลจ.อีสท์สปริง

บลจ.อีสท์สปริง เปิดขายกองทุนพันธบัตรมุ่งรักษาเงินต้นรุ่นใหม่ อายุ 6 เดือน อีก 6,000 ล้านบาท โอกาสรับผลตอบแทน 2% ต่อปี ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เริ่มเปิดขาย 5-8 มี.ค.นี้

วันที่ 5 มีนาคม 2567 นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M13 (ES-GOVCP6M13) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคมนี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M13 มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในตราสารที่มุ่งรักษาเงินต้น ได้แก่ ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วนประมาณ 100% ของ NAV โดยคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปี ของ NAV หลังจากหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.20% ต่อปี ของ NAV แล้วจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.00% ต่อปีของ NAVกองทุน ES-GOVCP6M13 จะลงทุนครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold)

โดย บลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติและทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกรายไปยังกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่ บลจ.อีสท์สปริงเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ โดยผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน

ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมากกองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ หากผู้ออกตราสารหรือธนาคารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ และบริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุนและกองทุนมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสารและความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย และ/หรือคืนเงินต้นได้