เปิดมุมมองการใช้ชีวิต “ดร.นิเวศน์” รวยหมื่นล้าน แต่ใส่เสื้อผ้าราคา 199

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

เปิดมุมมอง “ดร.นิเวศน์” เซียนหุ้นรวยหมื่นล้าน แต่ใช้ชีวิตสุดจะเรียบง่าย ชอบวิ่งวันละ 3 กิโล ใส่เสื้อผ้าราคา 199 บาท มีความฝันอยากเก่ง “ศิลปะ-ดนตรี” ตามรอยภรรยา

วันที่ 4 เมษายน 2567 ประชาชาติธุรกิจได้สัมภาษณ์พิเศษ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) ที่มีพอร์ตลงทุนเกือบหมื่นล้าน ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งได้นำเสนอในพาร์ตการลงทุนไปแล้ว ที่เป็นปีของการปรับพอร์ตครั้งใหญ่และเป็นครั้งแรกในชีวิตของ “ดร.นิเวศน์”

โดยตัดสินใจจัดตั้ง “บริษัท ตีแตก จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 2,200 ล้านบาท โมเดลเดียวกับบริษัท Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟต์ เพื่อการลงทุนในต่างประเทศ และคาดว่าเมื่อทุกอย่างลงตัว โมเดลพอร์ตลงทุนใหม่จะสร้างผลตอบแทนปีละ 10% ทบต้น

อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหนึ่งพาร์ต ที่เชื่อว่าใครหลายคนยังไม่ทราบ นั่นคือ มุมมองการใช้ชีวิตและความฝันของ “ดร.นิเวศน์“ เซียนหุ้นหมื่นล้าน

รวยหมื่นล้าน ใช้ชีวิตสุดเรียบง่าย

โดย “ดร.นิเวศน์” เล่ากับ “ประชาชาติธุรกิจ” ไว้ว่า จริง ๆ ชีวิตส่วนตัวของผมสุดจะเรียบง่าย ต้องบอกว่าเป็นแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่หนุ่ม ๆ จนกระทั้งแก่ หรือตั้งแต่ “จน” มาจนกระทั่ง “รวย” ชีวิตผมก็ไม่ได้เปลี่ยนเท่าไหร่

คือตื่นเช้าทุกวัน ตอนนี้ก็ตื่นสายหน่อยประมาณ 8 โมง หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็อ่านหนังสือพิมพ์ (ตอนนี้อ่านอยู่ประมาณ 2 ฉบับ) พอตลาดหุ้นเปิดก็เข้าดูหุ้น และอ่านบทวิเคราะห์หุ้น สมัยก่อนจะอ่านหนังสือเป็นหลัก แต่เดี๋ยวนี้ก็อ่านไม่ค่อยไหว ตาไม่ค่อยดี พอเหนื่อยก็อ่านน้อยลง และก็ดูไลน์บ้างเล็กน้อย

วิ่งวันละ 3 กิโล

พอตอนเย็น ๆ ก็ออกไปวิ่งหน้าบ้าน ประมาณ 3 กิโลเมตรทุกวัน (บ้านอยู่ในซอยรางน้ำ) พอวิ่งเสร็จก็จะแวะซื้ออาหารแถวนั้นมาทานที่บ้าน กินเสร็จก็อาบน้ำ แล้วก็เข้านอน ถ้าไม่มีธุระอะไร กิจวัตรประจำวันของผม ก็จะมีอยู่แค่นี้

และเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยไปไหนมากนัก ถ้าจะมีก็ไปต่างประเทศกับลูก ๆ อย่างเดียวเลย ซึ่งตอนนี้ไปบ่อย 1 ปี บินไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง หรือถ้าอยู่ในประเทศ ก็มักจะไปเที่ยว “หัวหิน” เป็นส่วนใหญ่

นอกจากนี้ ก็จะมีเขียนบทความ เกือบทุกอาทิตย์ และมีอาจจะไปสอนหรือไปบรรยายบ้างตามงานต่าง ๆ

ซึ่งพอมานั่งคิดดูแล้ว ก็คล้ายกับ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ถ้าไปดูชีวิตเขา เหมือนกันเลย ตื่นเช้ามา เข้าออฟฟิศ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ตกเย็นกลับบ้าน เมียทำอาหารให้กิน มีข้าวโพดคั่ว 1 จาน ดูทีวีแล้วก็เข้านอน ถ้ามีธุระก็ออกไป ซึ่งเป็นชีวิตที่สบาย ไม่เครียด

ใส่เสื้อผ้าราคา 199

เมื่อถามถึงว่า “หลายคนมองว่าเราพยายามสร้างพอร์ตลงทุน แต่การใช้ชีวิตแทบไม่ได้ใช้เงินเลย” ดร.นิเวศน์ ตอบว่า เราไม่รู้ว่าใช้ไปแล้วมันมีความสุขยังไง อย่างเสื้อผ้า ส่วนใหญ่ก็ราคา 199 บาท กางเกงก็อาจจะแพงหน่อย ประมาณ 1,000 บาท คือไม่ใช่ของแบรนด์เนม

อาจจะมีใช้แบรนด์เนมบ้างก็นาน ๆ ที ลูก ๆ เขาซื้อเป็นของขวัญวันเกิดนิด ๆ หน่อย ๆ ประมาณ 3-4 ตัว ก็ใส่อยู่แบบนั้น ซึ่งผมดีอย่างคือ รูปร่างแบบนี้มาหลาย 10 ปี เสื้อผ้าที่ซื้อไว้ 30-40 ปี ตอนนี้ก็ยังใส่ได้อยู่ อาจจะเพราะวิ่งทุกวัน มาหลาย 10 ปีเหมือนกัน

“จริง ๆ ก็ใช้เงินอยู่บ้างแหละ ปกติชอบดื่มชา 1 แก้ว แก้วละ 100 บาท และก็ชอบกินปลาเผาบ้าง”

ความฝันอยากเก่ง “ศิลปะ-ดนตรี”

และเมื่อถามว่า “มีความฝันที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำมั้ย” ดร.นิเวศน์ เล่าว่า มีเรื่องนึงคือ “ศิลปะ” พออายุมากขึ้นเราเริ่มเห็นว่า เราไม่มีหัวทางด้านศิลปะ เหมือนขาดบางอย่าง เวลาไม่มีอะไรทำหรือรู้สึกเครียด เราไม่สามารถที่จะบอกว่า จับไวโอลีนมาสีมั้ย หรือไปนั่งวาดรูป

สิ่งนี้ก็เห็นจากภรรยา เขาทำตลอด วาดรูป เล่นดนตรี คือด้านศิลปะ เขาเก่งมาก เรารู้สึกว่าถ้าเราทำได้ก็น่าจะเพลินดี หรือ ร้องเพลงบางทีเราอยากร้องเพลง ก็ไม่ไหวเสียงมันเพี้ยนจัด (หัวเราะ)

ถ้าเราทำเรื่องพวกนี้ได้ เราก็มีสังคม แล้วอยากไปร้องเพลง เราชอบฟัง แต่ถ้าร้องคนก็รับไม่ไหว ก็เลยรู้สึกขาดไป (หัวเราะ)

ตอนนี้ผมกำลังอินกับเพลง ผมคิดว่าสังคมนักลงทุนบ้านเรา ควรจะมีเพลงสักเพลงที่เป็นเพลงชาติของนักลงทุน VI เพราะเราเห็นในทุกชุมชนควรมีเพลงเป็นตัวร่วมในวงการกีฬา แต่นักลงทุนไม่เคยมีเพลง

แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามีเพลงน่าร้อง เดี๋ยวผมจะไปเสนอแล้วให้เพลงนี้มาเป็นเพลง VI ชื่อเพลง Sweet Caroline เป็นเพลงที่ผมฟังตั้งแต่เด็กตอนอายุ 16-17 ปี แล้วก็ติดอันดับนะตอนนั้น อยู่อันดับ 4-5

สุดท้ายผมพึ่งพบทีหลังว่ากลายเป็นเพลงชาติของนักฟุตบอล แฟนฟุตบอลจะต้องรู้จักเพราะเพลงนี้ เขาจะร้องเป็นประจำเหมือนเพลงชาติเลย เกิดเราชนะต้องร้องเพลงนี้ เพราะเป็นเพลงที่ให้อารมณ์แบบสุด ๆ