นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมครั้งล่าสุด (12-13 มิ.ย. 2561) ถือว่ามีนัยยะสำคัญ แถมเฟดประกาศว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้ง ภายในปีนี้ หรือมีการปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้เกิดส่วนต่างกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมากกว่า 1% หากถึงจุดนั้นไทยก็คงต้องมีการทบทวนเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่าจะปรับขึ้นตามหรือไม่
“ผมเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังก็มีการพิจารณาในหลักการของปริมาณเงินไหลเข้า ไหลออก และค่าเงินประกอบกัน ซึ่งหากมีเงินไหลออกจนกระทั่งทำให้สภาพคล่องมีปัญหา รวมถึงดูเงินเฟ้อ ทั้งนี้ คงต้องมีการพิจารณาหลายๆ ปัจจัยประกอบกัน แต่ผมคิดว่า ถ้าห่างแค่ 50 สตางค์ น่าจะพอยันอยู่ แต่ถ้าเกิน 50 สตางค์ก็อาจจะต้องมีการทบทวน” นายชาติชายกล่าว
นายชาติชายกล่าวอีกว่า ในอดีตจะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะสูงกว่าดอกเบี้ยเฟด แต่มาระยะหลังนี้เองที่ดอกเบี้ยเฟดสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของไทย เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้น ทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงปรับขึ้นช้ากว่าในอดีตได้
