อย่างไรก็ต้องขาดดุล! “บิ๊กตู่” ชี้กู้ลงทุนแลก “จีดีพี” อนาคต ยัน ครม.สัญจร แค่รับฟัง

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2561 เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ว่า มีความจำเป็นต้องลงทุนหลังจากหยุดโครงการขนาดใหญ่มาหลายปี แม้จะขาดดุลในวันข้างหน้า แต่จีดีพีที่สูงขึ้นในอนาคตจะเป็นส่วนที่เข้ามาชดเชย

“วันนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่ามีหนี้อยู่ประมาณ 42% ซึ่งอยู่ภายในกรอบของกระทรวงการคลังซึ่งกำหนดไม่เกิน 60% และเมื่อถึงปี 2571 ก็ยังไม่เกิน 60% แต่หากเกินจะไม่สามารถกู้ได้ การกู้นี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะคือการลงทุน หากใช้งบประมาณปกติมา งบประมาณส่วนอื่นจะหายไป

ต้องไปดูตัวเลขหนี้สาธารณะก่อนผมเข้ามาว่าอยู่ที่เท่าไหร่ มีหนี้เดิมอยู่ประมาณ 40% ขณะที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็น 42% เท่านั้น ก็ต้องดูว่า 40% นั้นเกิดมาจากอะไร และสิ่งที่เพิ่มมาภายใน 5-10 ปี จะเกิดหนี้โดยตรงโดยอ้อมอย่างไร โดยตรงคือรายได้ประเทศมากขึ้น จีดีพีสูงขึ้น นั่นจึงชดเชยงบประมาณขาดดุลวันข้างหน้า อย่างไรก็ต้องขาดดุล เพราะเรามีการลงทุนมากมาย เราหยุดมานานหลายปี โครงการขนาดใหญ่มันเกิดไม่ได้”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีระบุถึงกรณีคณะรัฐมนตรีสัญจรว่า เป็นการลงพื้นที่รับฟังจากภาคส่วนประชาชน แล้วนำมาปรับใช้กับโครงการที่มีอยู่หรือจัดทำเพิ่มเติม พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ใช่การดูดเสียงรับเลือกตั้ง “ผมพูดไปหลายครั้งแล้ว ผมเอาเงินไปแจกหรือไม่ ก็ไม่ แล้วผมไปทุกกลุ่มจังหวัด ทั่วประเทศไม่ใช่หรือ”

“เป็นเรื่องของการทำงานตามแผน เป็นการไปฟังจากข้างล่างแล้วนำมาปรับแก้ไข ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์จัดทำโครงการเพิ่มเติม หรือโครงการเดิมที่ทำอยู่แล้ว อาจจะทำปีนี้ ปีหน้า หรือปีต่อไป ก็จำเป็นต้องบอกให้ประชาชนรู้ ที่ผ่านมามักเป็นเพียงการระบุว่า โครงการไหนได้หรือไม่ได้ แต่ไม่ได้อธิบายว่าทำไมจึงไม่ได้ แล้วต่อไปจะได้หรือไม่”