กองทุนรัฐ-ประกันลุ้นจอง TFFIF ผลตอบแทน 5% รู้ผล 22 ต.ค. กอช.ทุ่ม 70 ล้าน

ลุ้นผลจองซื้อกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ 22 ต.ค. “กบข.-กอช.-ประกันชีวิต” คาดได้รับจัดสรรไม่เท่ายอดจอง แฮปปี้ผลตอบแทนจุใจ 5% ความเสี่ยงต่ำ-หนุนรัฐลงทุน “กอช.” เล็งทุ่ม 70 ล้านบาท พอร์ตประกันชีวิต 3 ค่าย โยกเงินออกจากหุ้นเข้ากอง TFFIF เอไอเอทุ่มหลักพันล้านบาท

แหล่งข่าวจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการการลงทุนของ กอช.ได้เห็นชอบเข้าลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) แล้ว โดยเห็นว่าเป็นกองทุนที่มีความมั่นคงสูง ความเสี่ยงต่ำ และยังให้ผลตอบแทนที่ 4.75-5.3% ถือว่าดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลพอสมควร เนื่องจากปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 2.8% ขั้นตอนต่อไปจะต้องเสนอให้คณะกรรมการ กอช. พิจารณาอนุมัติการลงทุนภายในกลางสัปดาห์นี้

โดยในเบื้องต้น กอช.ได้กำหนดสัดส่วนลงทุนประมาณ 2% ของพอร์ตรวม 4,700 ล้านบาท (ณ สิ้น ก.ย. 61) ซึ่งยังอยู่ในกรอบที่กำหนดการลงทุนสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงสัดส่วนไม่เกิน 20%

“ในเบื้องต้นวางวงเงินไว้ 70 ล้านบาทหรือ 2% ที่สามารถลงทุนในกองนี้ได้ ซึ่งประเมินว่าลงทุนในTFFIF จะส่งผลพอร์ต กอช.ดีขึ้น เนื่องจากกองทุนนี้มีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากการรับรู้รายได้ค่าผ่านทางทั้ง 2 เส้นทาง ได้แก่เส้นทางพิเศษฉลองรัฐและบูรพาวิถี ที่มีผู้ใช้บริการดังกล่าว” แหล่งข่าวกล่าว

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) คาดว่าจะได้รับจัดสรรน้อยกว่ายอดจองที่เสนอไปพอสมควร เพราะความต้องการของนักลงทุนหลายสถาบันและนักลงทุนรายย่อยมีจำนวนมากพอสมควร ซึ่ง TFFIF เน้นจัดสรรให้แก่นักลงทุนรายย่อย เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอราว 5%

นางสาวยุวดี เฉลิมศรีภิญโญรัช รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารการเงิน บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะโยกเงินบางส่วนจากพอร์ตที่ลงทุนในหุ้นที่มีสัดส่วน 4% เข้ามาลงทุนใน TFFIF เพราะผลตอบแทนและความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนรวมอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม สัดส่วนที่เข้าลงทุนใน TFFIF จะขึ้นอยู่กับบลจ.ไทยพาณิชย์ และ บลจ.กรุงศรี ที่บริษัทว่าจ้างบริหารเงินลงทุนอยู่

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์ลงทุน 23,000 ล้านบาท จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 85% และหุ้นกู้ 6% อีก 5% ถือเงินสดและลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นโดยผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4%

นายชวลิต ทองรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส-ฝ่ายขาย และ CAO บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต กล่าวว่า TFFIF น่าจะได้รับการตอบรับจองซื้อจากกลุ่มประกันรายใหญ่ ๆ อีกทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้สนับสนุนให้ประกันภัยเข้าลงทุน TFFIF โดยปรับค่าความเสี่ยง (risk charge) ในการคำนวณสำหรับการลงทุนใน TFFIF อยู่ที่ 8% เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ

ในส่วนบริษัทจะจัดสรรเงินบางส่วนที่อยู่ในกองทุนรวมและเงินฝาก ที่มีสัดส่วน 7-8% เข้าไปลงทุนในกอง TFFIF ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนอยู่ที่ 9,800 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้เกือบ 50% และหุ้น 30% นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปล่อยกู้มูลค่าเงินสดในกรมธรรม์กว่า 10% ขณะที่ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 6%

นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า สนใจเข้าลงทุน TFFIF ซึ่งปกติบริษัทจะมีการปรับพอร์ตลงทุนอยู่ตลอดเวลา เพื่อหาผลตอบแทนที่ดีสอดรับไปกับทิศทางตลาดโลก โดยปัจจุบันพอร์ตบริษัทมีมูลค่ารวมกว่า 8 แสนล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลกว่า 6 แสนล้านบาท และหุ้น 1.2 แสนล้านบาท โดยเม็ดเงินที่ลงทุนกองทุนรวมประมาณหลักพันล้านบาท ส่วนที่เหลือกระจายลงทุนในต่างประเทศ, หุ้นกู้, อสังหาริมทรัพย์

“ผลตอบแทนในระดับ 5% ของ TFFIF ถือว่าน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนได้”