นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุเทพ รายงาน ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (21/11) ที่ระดับ 33.00/02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (20/11) ที่ระดับ 32.95/97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันในช่วงต้นสัปดาห์จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาด

โดยปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงเมื่อวานนี้ (20/11) รวมถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน วานนี้ (20/11) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือน ต.ค. โดยเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายเดือนสู่ระดับ 1.228 ล้านยูนิต จากระดับ 1.210 ล้านยูนิตในเดือน ก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.225 ล้านยูนิตในเดือน ต.ค.

สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ (22/11) มีการเปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ต.ค.โดยภาพรวมการส่งออกขยายตัว 8.7% คิดเป็นมูลค่า 21.757.90 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการนำเข้าขยายตัว 11.23% มีมูลค่า 22,037.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 279.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนอ.) กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดว่าการส่งออกในปี’61 จะยังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมจะผลักดันการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.975-33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.98/33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดวันนี้ (21/11 ที่ระดับ 1.1366/68 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (20/11) ที่ระดับ 1.1430/33 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องงบประมาณของอิตาลี เนื่องจากงบประมาณประจำปี 2019 ของอิตาลีฝ่าฝืนกฎการคลังของสหภาพยุโรป (อียู) โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอิตาลีกับอียูจะขัดแย้งกันต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมในยูโร และเป็นปัจจัยที่จะกดดันค่าเงินยูโรต่อไป ขณะเดียวกันตลาดจับตาดูความคืบหน้าข้อตกลงการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนการประชุมผู้นำอียูที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ (25/11) ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1360-1.1401 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1397/99 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/11) ความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และการเจรจาเรื่อง Brexit ได้สร้างความวิตกให้กับนักลงทุน ส่งผลให้มีแรงหนุนในการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินเยนยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ตามค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากตลาดคาดว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ธ.ค. ซึ่งส่งผลบวกต่อดอลลาร์ ในขณะที่ค่าเงินเยนยังไร้ปัจจัยสนับสนุน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 112.76.03-112.93 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 112.85/87 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนตุลาคมของสหรัฐ (21/11) ยอดขายบ้านมือสองเดือน ต.ค.ของสหรัฐ (21/11) อัตราเงินเดือน ต.ค.ของญี่ปุ่น (23/11) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น พ.ย.ของยูโรโซน (23/11) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการและภาคการผลิตขั้นต้นเดือน พ.ย.จากมาร์กิตของสหรัฐ (23/1)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.7/-1.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ 1.55/2.22 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

 

รับข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
อย่าลืมกดติดตาม และกดปุ่ม See first (เห็นโพสต์ก่อน)
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์ ทันสมัย-ทันใจ
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้
ทั้งระบบ ios และ android

อ่านประชาชาติธุรกิจ ทั้งฉบับผ่าน e-Newspaper
ได้ที่แอปพลิเคชั่น Ookbee เลือก “ประชาชาติ”