“สรรพสามิต” จับ-ปรับสินค้าผิดกฎหมาย 683 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.56 ล้านบาท

กรมสรรพสามิตดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต

นางสดศรี พงศ์อุทัย รองอธิบดีกรมสรรพสามิต รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิต ได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการ ที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป

จากผลการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2562 (ระหว่างวันที่ 14 – 20 ธันวาคม 2561) พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 683 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.56 ล้านบาท โดยแยกเป็น

– สุรา จำนวน 398 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 3.08 ล้านบาท
– ยาสูบ จำนวน 167 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 4.48 ล้านบาท
– ไพ่ จำนวน 15 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.19 ล้านบาท
– น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 39 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.71 ล้านบาท
– น้ำหอม จำนวน 1 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.05 ล้านบาท
– รถจักรยานยนต์ จำนวน 42 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ จำนวน 0.92 ล้านบาท
– สินค้าอื่น ๆ จำนวน 21 คดี รวมเป็นเงินค่าปรับ 0.14 ล้านบาท

โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 8,626.755 ลิตร ยาสูบ จำนวน 7,196 ซอง ไพ่ จำนวน 710 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 15,614.000 ลิตร น้ำหอม จำนวน 422 ขวด รถจักรยานยนต์ จำนวน 50 คัน